ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสรตร์มุ่งสู่อนาคต

(VOVworld) –  เวียดนามและอินโดนีเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตทวิภาคีเมื่อวันที่๓๐ธันวาคมปี๑๙๕๕ นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะ  ทั้งสองประเทศได้ลงนามยกระดับความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อเดือนมิถุนายนปี๒๐๑๓เพื่อสานต่อก้าวพัฒนานั้น ปี๒๐๑๔ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ได้มีการพัฒนาต่อไปมีส่วนร่วมเสริมสร้างและผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีมุ่งสู่ประชาคมอาเซียนในปลายปี๒๐๑๕


(VOVworld) –  เวียดนามและอินโดนีเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตทวิภาคีเมื่อวันที่๓๐ธันวาคมปี๑๙๕๕ นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะ  ทั้งสองประเทศได้ลงนามยกระดับความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อเดือนมิถุนายนปี๒๐๑๓เพื่อสานต่อก้าวพัฒนานั้น ปี๒๐๑๔ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ได้มีการพัฒนาต่อไปมีส่วนร่วมเสริมสร้างและผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีมุ่งสู่ประชาคมอาเซียนในปลายปี๒๐๑๕

ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสรตร์มุ่งสู่อนาคต - ảnh 1
นายมาเยอฟาส เอกอัคราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนาม(กลาง)

เวียดนามและอินโดนีเซียเป็นสองประเทศใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้มีการพัฒนาอย่างข้ามขั้นทั้งในด้านการเมือง การทูต วัฒนธรรม การค้า และการลงทุนโดยในด้านการเมือง และการทูต ผู้นำทั้งสองประเทศได้มีกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมหลายอย่างเพื่อสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างยั่งยืนต่อไปและ มุ่งสู่การฉลองครบรอบ๖๐ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี๒๐๑๕

ในปีที่ผ่านมา ได้มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงและการพบปะหารือนอกรอบการประชุมภูมิภาค โดยเฉพาะ การพบปะระหว่างท่านเจืองเติ๊นซางประธานประเทศเวียดนามกับท่านโจโก วีโดโดประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนใหม่ ที่ประเทศจีน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาโดยผู้นำทั้งสองท่านได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับมาตรการสำคัญๆเพื่อผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และเห็นพ้องกันว่า จะประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้นเพื่อปฏิบัติเนื้อหาที่ได้ตกลงในแผนปฏิบัติการช่วงปี๒๐๑๔ถึงปี๒๐๑๘อย่างมีประสิทธิภาพและขยายการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงและทุกระดับ นายยูดีทูตการเมือง และการทูตสถานทูตอินโดนีเซียกล่าวว่า“เพื่อปฏิบัติและผลักดันเนื้อหาของแผนปฏิบัติการที่ได้ลงนาม อินโดนีเซียและเวียดนามได้จัดตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อผลักดันความร่วมมือทวิภาคีและคณะกรรมการประสานงานด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีซึ่งเป็นสองคณะกรรมการที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อประเมิน ตรวจสอบและผลักดันการปฏิบัติเนื้อหาความร่วมมือทวิภาคี”

ในด้านการค้าและการลงทุน เวียดนามและอินโดนีเซียต่างเป็นตลาดที่มีศักยภาพและน่าสนใจโดยอินโดนีเซียมีประชากรกว่า๒๔๐ล้านคนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ส่วนเวียดนามจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของภูมิภาค นายมาเยอฟาส เอกอัคราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามกล่าวว่า“ปัจจุบันมีสถานประกอบการอินโดนีเซียกว่า๓๐แห่งกำลังลงทุนในเวียดนาม และผู้ประกอบการอินโดนีเซียอีกจำนวนมากมีความประสงค์ที่จะแสวงหาโอกาสประกอบธุรกิจในเวียดนาม ปัจจุบัน รัฐบาลอินโดนีเซียส่งเสริมให้สถานประกอบการสถาปนาความสัมพันธ์ร่วมมือกับสถานประกอบการภาครัฐของเวียดนาม แนวทางของพวกเราคือ ส่งเสริมสถานประกอบการอินโดนีเซียแสวงหาหุ้นส่วนประกอบธุรกิจในเวียดนาม ร่วมมือแบบประสานผลประโยชน์ซึ่งกันและกันกับสถานประกอบการเวียดนามมิใช่ลงทุน๑๐๐% เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้พัฒนา”

ตามข้อมูลสถิติ ปัจจุบัน มีสถานประกอบการอินโดนีเซีย๓๙แห่งกำลังลงทุนในเวียดนาม อยู่อันดับ๒๖ในจำนวน๑๐๑ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามรวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า๖แสน๗หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเวียดนามมีโครงการลงทุนในอินโดนีเซีย๘โครงการ รวมยอดเงินทุน๕หมื่น๑พันล้านเหรียญสหรัฐ

ในด้านการค้า ปี๒๐๑๔ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนอยู่ที่๔.๓พันล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปยังอินโดนีเซียคือ ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ สินค้าสิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนัง รองเท้า  ข้าว  เครื่องจักรและผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วนเวียดนามนำเข้ากระดาษ เคมีภัณฑ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์จากอินโดนีเซีย นายมาเยอฟาส เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามเผยว่า ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศวางเป้าไว้ว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจะอยู่ที่๑หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๘ และคาดว่า ในปี๒๐๑๕นี้ จะอยู่ที่๕.๕ถึง๖พันล้านเหรียญสหรัฐ

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่ผู้นำทั้งสองประเทศวางไว้ในปี๒๐๑๕คือ ผลักดันการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเพื่อมีส่วนร่วมทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศกระเถิบเข้าใกล้กัน นอกจากโครงการพบปะและประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมศิลปะที่จัดขึ้น ณ เวียดนามและอินโดนีเซีย เช่น สัปดาห์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สัปดาห์อาหารการกิน โครงการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแล้ว ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศกำลังผลักดันกิจกรรมเชื่อมโยงและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ เอกอัครราชทูตมาเยอฟาส เผยว่า จากประชากร๒๔๐ล้านคน รวมทั้งประชากรที่บรรลุนิติภาวะกว่า๑๕๐ล้านคนที่นิยมท่องเที่ยว อินโดนีเซียจะกลายเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับสถานประกอบการท่องเที่ยวเวียดนาม  ในปี๒๐๑๔ จำนวนนักท่องเที่ยวเวียดนามไปท่องเที่ยวอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ  ส่วนสำหรับนักท่องเที่ยวอินโดนีเซีย เวียดนามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในกลุ่มอาเซียน เอกอัครราชทูตมาเยอฟาส กล่าวว่า“เมื่อก่อนนี้ ประชาชนอินโดนีเซียมักไปท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียและไทยเพราะพวกเขายังไม่ทราบว่า เวียดนามมีสถานท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ราคาทัวร์ย่อมเยาว์ คุณภาพการบริการดีมากและชาวเวียดนามมีอัธยาศัยดี”

ตามข้อมูลสถิติ จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนปี๒๐๑๔ มีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซีน๖หมื่น๔พันคนมาเยือนเวียดนามและมีนักท่องเที่ยวเวียดนามเกือบ๓หมื่นคนไปท่องเที่ยวอินโดนีเซียซึ่งตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากนโยบายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ความพยายามของรัฐบาลเวียดนามและอินโดนีเซียจะเปิดโอกาสร่วมมือที่เต็มไปด้วยศักยภาพในทุกด้านต่อไปซึ่งผลสำเร็จในปี๒๐๑๔ พร้อมกับแนวทางพัฒนาจะมีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ระหว่างสองฝ่ายและมุ่งสู่ประชาคมอาเซียนในปี๒๐๑๕./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด