มหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 จุดประกายและส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมและพลังกีฬา

(VOVWORLD) - การแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กำลังมีขึ้น ณ ประเทศกัมพูชา ไม่เพียงแค่เปิดโอกาสให้นักกีฬาได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเพื่อนำชัยชนะมาให้แก่ประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยเผยแพร่คุณค่าวัฒนธรรม กระชับความสัมพันธ์มิตรภาพของกลุ่ม 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเสริมสร้างภาพลักษณ์ของภูมิภาคที่ใฝ่สันติภาพด้วยการพัฒนาอย่างคล่องตัวเพื่อการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก
ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงปรบมือของผู้เข้าชมนับพันที่สนามแข่งขันศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติ Chroy Changvar ในกรุงพนมเปญ นักกีฬาหญิงชาวกัมพูชา Khan Chesa ได้ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจหลังจากคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยิวยิตสู โนกิ รุ่นน้ำหนัก 52 กิโลกรัม ซึ่งก่อนหน้านี้เธอก็เคยเสียน้ำตาแต่เป็นน้ำตาของความเสียใจที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่คู่ต่อสู้ชาวฟิลิปปินส์ ในรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขัน ยิวยิตสู กิ เมื่อสองวันที่แล้ว โดยเผยว่า เสียงเชียร์และกำลังใจล้นหลามจากแฟนๆ ได้สร้างพลังให้กับเธอในการแข่งขันเป็นอย่างมาก

“ฉันอยากชดเชยให้กับความพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศก่อนหน้านั้นและอยากแสดงความขอบคุณแฟนๆ กีฬาของกัมพูชา ถึงแม้คว้าได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น แต่ก็ยังคงได้รับกำลังใจที่ล้นหลามจากทุกๆ คน และฉันเชื่อว่า ตัวเองจะได้รับกำลังใจมากขึ้นถ้าหากคว้าเหรียญทองมาได้ ดังนั้น ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถและศักยภาพที่มี ฉันเชื่อว่าตัวเองจะสามารถทำได้”

มหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 จุดประกายและส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมและพลังกีฬา - ảnh 1นักกีฬาหญิงชาวกัมพูชา Khan Chesa คว้าเหรียญทอง
ในการแข่งขันยิวยิตสู โนกิ รุ่นน้ำหนัก 52 กิโลกรัม (ภาพจาก PLO.VN)

เหรียญทองยังคงเป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับสำหรับนักกีฬาทุกคน เพราะไม่เพียงแต่เป็นสิ่งยืนยันผลสำเร็จจากการแข่งขัน การฝึกซ้อมอย่างหนักและการกลับมาเป็นผู้ชนะหลังความพ่ายแพ้เท่านั้น แต่ยังถือเป็นความภาคภูมิใจในการคว้าชัยชนะให้แก่ประเทศชาติอีกด้วย นักกีฬาหญิงชาวเวียดนาม ดิงถิเฮือง ที่คว้าเหรียญทองในการแข่งขันคาราเต้ ประเภท Kumite รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 68 กิโลกรัม และนักกีฬาว่ายน้ำชาวสิงคโปร์ Quah Zheng Wen ที่คว้าเหรียญทองในการแข่งขันว่ายน้ำกรรเชียง 100 เมตร ชาย ในซีเกมส์ครั้งที่ 32 เผยว่า

“ฉันรู้สึกดีใจมากที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ชาวอินโดนีเซียในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ฉันได้เข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันสามารถคว้าเหรียญทองได้ ในครั้งก่อน ฉันเข้าร่วมการแข่งขันรุ่นน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ซึ่งการเพิ่มน้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทันตามปริมาณอาหารที่มากขึ้น รวมถึงการที่ต้องดื่มน้ำสองลิตรก่อนชั่งน้ำหนัก”

“ในการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ 100 เมตร เมื่อวันก่อน แม้ไม่สามารถเอาชนะเพื่อนร่วมทีมชาวสิงคโปร์คือ Jonathan ได้ แต่ผมยังคงบอกตัวเองว่าจะไม่ท้อถอย พร้อมพยายามฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้เร็วที่สุดและมุ่งเป้าไปยังการแข่งขันรอบนี้ ในที่สุด ผมก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากเมื่อสามารถคว้าเหรียญทองซีเกมส์เหรียญที่ 999 ให้กับประเทศสิงคโปร์”

มหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 จุดประกายและส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมและพลังกีฬา - ảnh 2นักกีฬาหญิงชาวเวียดนาม ดิงถิเฮือง ในการแข่งขันคาราเต้
ประเภท Kumite รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 68 กิโลกรัม

นอกเหนือจากเป้าหมายสูงสุดที่ตั้งไว้ นักกีฬาหลายคนที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ยังคงมีความประสงค์ที่จะเผยแพร่เอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของประเทศตนให้แก่เพื่อนมิตรต่างประเทศ โดยนักกีฬายิวยิตสูชาวเวียดนาม หว่างถิลานเฮือง และ เหงวียนมิงห์เฟือง ได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้แก่ผู้เข้าชมด้วยการนำน้อนกวายทาวหรืองอบทรงกลมแบนขนาดใหญ่และคันหมอกวาหรือผ้าสามเหลี่ยมสีดำคลุมศีรษะไปใช้ประกอบการแข่งขัน ซึ่งถึงแม้คว้าเหรียญทองแดงได้เท่านั้น แต่ก็เป็นผลงานที่ทั้งสองคนต่างรู้สึกพอใจ

“พวกเรารู้สึกพอใจกับการแข่งขันของตัวเองในครั้งนี้เพราะได้โชว์ความสามารถทั้งหมดที่ได้เรียนรู้และฝึกฝน พร้อมกับการนำเสนอเอกลักษณ์วัฒนธรรมของเวียดนามสู่สายตาเพื่อนมิตรต่างประเทศ โดยงอบกวายทาวมีแค่ที่เวียดนามเท่านั้น ซึ่งมีความพิเศษที่แตกต่างจากงอบทั่วๆ ไป”

ยิ่งไปกว่านั้น มหกรรมซีเกมส์ที่จัดขึ้นทุกสองปียังเป็นโอกาสอันดีที่ช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความสามัคคีระหว่างกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยประเทศเจ้าภาพกัมพูชาได้ตัดสินใจไม่เก็บค่าเข้าชมการแข่งขันทุกชนิดกีฬาในซีเกมส์และไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน อีกทั้งไม่เก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร ที่พัก และค่าเดินทาง สำหรับคณะนักกีฬาและผู้แทนกีฬาทุกคน รวมถึงค่าบริการทางการแพทย์ ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ ในการกล่าวปราศรัยในพิธีเปิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา Thong Khon ได้ย้ำถึงความปรารถนาของประเทศเจ้าภาพผ่านคำขวัญ "Sports - Live In Peace” หรือ “กีฬาแห่งสันติภาพ” ว่า

“ผ่านการจัดงานการแข่งขันกีฬา พวกเราจะพัฒนาไปด้วยกันและพยายามร่วมกันเพื่อสังคมที่สามัคคี เข้มแข็ง และสงบสุข ซึ่งความรับผิดชอบ ความคิดสร้างสรรค์ และการพึ่งพาตนเองของพวกเราเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ เป็นพื้นฐานและเอกลักษณ์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงแม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤตโควิด-19 แต่ด้วยความแข็งแกร่ง ความสามัคคีกัน และความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคนั้น ได้ช่วยให้พวกเราฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้ด้วยดี จนสามารถจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ได้ถึง 2 ครั้ง คือที่เวียดนามเมื่อปีที่แล้วและกัมพูชาในปีนี้”

มหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 จุดประกายและส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมและพลังกีฬา - ảnh 3นักกีฬายิวยิตสูชาวเวียดนาม หว่างถิลานเฮือง และ เหงวียนมิงห์เฟือง สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากด้วยการนำน้อนกวายทาวหรืองอบทรงกลมแบนขนาดใหญ่และคันหมอกวาหรือผ้าสามเหลี่ยมสีดำคลุมศีรษะไปใช้ประกอบการแข่งขัน

เมื่อเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาในช่วงนี้ ทุกคนต่างสัมผัสได้บรรยากาศที่ครึกครื้นของที่นี่ โดยถนนหนทางทุกแห่งหนเต็มไปด้วยธงชาติและโปสเตอร์ต้อนรับคณะนักกีฬาที่มาเข้าร่วมมหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 32 ซึ่งใครๆ ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันว่า จะคว้าชัยชนะด้วยจิตใจแห่งกีฬาอันสูงส่ง ความสัมพันธ์มิตรภาพและความสามัคคีระหว่างประเทศในภูมิภาค. 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด