“อ่าวฮาลองคือสถานที่ท่องเที่ยวที่ดิฉันมีความประทับใจมากที่สุด เนื่องจากมีทัศนียภาพธรรมชาติที่สวยงามและอากาศบริสุทธิ์  นอกจากนั้น อำเภอหมีทอในจังหวัดเตี่ยนยางในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะทริปล่องเรือไปตามคลองและลิ้มลองผลไม้พื้นเมืองของเขตนี้”

“ดิฉันชอบเฝอมาก โดยเฉพาะเฝอเนื้อเพราะรสชาติอร่อย น้ำซุปหวาน ซึ่งไม่เหมือนอาหารในอินโดนีเซียที่ใส่น้ำมันมากเกินไป นอกจากนั้น ดิฉันก็ให้ความสนใจเฝอส่าวหรือก๋วยเตี๋ยวผัดด้วย”

นั่นคือความคิดเห็นของคุณ Cynthia และคุณ Kartina นักท่องเที่ยวจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดินทางมาเที่ยวเวียดนามครั้งแรกเป็นเวลา 7 วันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในกรอบการเยือน ทั้งสองคนนี้พร้อมสมาชิกในคณะนักท่องเที่ยวรวม 30 คนได้เดินทางมาเที่ยวนครโฮจิมินห์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนามและเมืองหมีทอ จังหวัดเตี่ยนยาง โดยได้มีโอกาสนั่งเรือไม้ล่องไปตามคลองในกู่ลาวเท้ยเซินและสวนผลไม้ ส่วนในภาคเหนือ คณะฯได้เดินทางมาเที่ยวกรุงฮานอย ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของเวียดนามโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่นสุสานประธานโฮจิมินห์ วิหารหงอกเซินและวิหารวรรณกรรมวันเมี้ยวก๊วกตื๋อหยาม ตลอดจนเยือนอ่าวฮาลองในจังหวัดกว๋างนิงห์ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมธรรมชาติของโลกที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก

ตั้งแต่ต้นปี 2017 จนถึงปัจจุบัน เดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่มีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเดินทางมาเที่ยวเวียดนามมากที่สุด เพราะตรงกับเทศกาลเลอบารันของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นปีใหม่ตามประเพณีของชาวมุสลิม คุณ แทงห่า ผู้อำนวยการบริษัท Prestige Travel ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียมาแล้ว 2 ปีมานี้ และในปัจจุบันก็มีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียใช้บริการอย่างต่อเนื่องเผยว่า “นักท่องเที่ยวในปีนี้ได้เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวที่บริษัทให้บริการสูงถึงกว่า 1 พันคน โดยเฉลี่ยแต่ละเดือนต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 150-200 คน ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเวียดนามมากที่สุดคือเทศกาลเลอบารันของอินโดนีเซียและเทศกาลคริสมาสต์ โดยเฉพาะเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทของดิฉันได้ต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวอินโดนีเซีย 10 คณะ”

เช่นเดียวกันบริษัท Prestige Travel เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทนำเที่ยวหลายแห่ง เช่น Viking Dng Travel และ Huong Giang Travel ก็ได้ต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวหลายคณะจากอินโดนีเซีย จากการเกาะติดความนิยมshoppingของนักท่องเที่ยวอินโดนีเซีย บริษัทนำเที่ยวของเวียดนามได้ออกแพคเกจทัวร์ shopping เมื่อเดินทางมาเที่ยวนครโฮจิมินห์ โดยนักท่องเที่ยวจะมีโอกาสไปเที่ยวตลาดเบ๊นแถ่งและร้านขายของใกล้บริเวณตลาดและ Saigon Square ส่วนเมื่อเดินทางมาเที่ยวกรุงฮานอย นักท่องเที่ยวจะได้เยือนถนนโบราณ 36 สายและตลาดด่งซวน นาย ห่ากงเหล่ย ไกด์ภาษาอินโดนีเซียได้เผยว่า “นักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเป็นมิตรและพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่น เมื่อเดินทางไปเที่ยว พวกเขาก็ศึกษาข้อมูลทั่วไป ถ่ายรูปและshopping โดยเฉพาะสินค้าศิลปะหัตถกรรม เช่นภาพลงรักขัดเงาและภาพปัก ตลอดจนอาหารพื้นเมือง เช่นขนมวเปี๊ย ซึ่งทำจากไข่แดง ทุเรียนและแป้ง”

นักท่องเที่ยวอินโดนีเซียส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ดังนั้นการให้บริการนักท่องเที่ยวเหล่านี้จึงได้รับความสนใจพิเศษ โดยเฉพาะอาหารการกิน เพราะชาวมุสลิมไม่ทานอาหารที่ทำจากเนื้อหมู และร้านอาหารที่ให้บริการนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียก็ต้องได้มาตรฐาน Halal นอกจากนั้น เวียดนามมีชายหาดที่ทอดยาว ดังนั้นจึงมีร้านอาหารทะเลจำนวนมากเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวมุสลิมอินโดนีเซียได้เลือกเมนูที่หลากหลาย

ถึงแม้ศึกยภาพการพัฒนาและดึงดูดนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียอยู่ในระดับสูง  แต่ยังมีอุปสรรคต่างๆ เช่นข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศที่ยังมีจำกัดและไกด์ภาษาอินโดนีเซียยังมีน้อยมาก โดยเฉพาะเส้นทางบินตรงระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย ที่ในปัจจุบันมีแต่สายการบิน Vietnam Airlines เท่านั้นที่ให้บริการเส้นทางบินนครโฮจิมินห์ - กรุงจาการ์ตา โดยให้บริการวันละ 1 เที่ยวบิน นาย หวูวันเคียม ผู้อำนวยการบริษัท Indochina Travelland ได้เผยว่า “ขณะนี้ ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับเส้นทางบินเวียดนาม-อินโดนีเซีย และอินโดนีเซีย-เวียดนาม โดยบางเที่ยวบินระยะเวลา Transit ไม่ค่อยสวยนัก เช่นนักท่องเที่ยวต้อง Transit ที่สิงคโปร์หรือมาเลเซียก่อนมาเที่ยวเวียดนาม ผมมีความประสงค์ว่า จะมีเส้นทางบินตรงจากกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ไปยังกรุงจาการ์ตาและนครสำคัญๆของอินโดนีเซีย เช่นเกาะบาหลีและบันดุงหลายเที่ยวมากขึ้น”

ปี 2015 มีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเกือบ 6 หมื่น 2 พันคนมาเที่ยวเวียดนาม และเพิ่มเป็นเกือบ 7 หมื่นคนเมื่อปี 2016 ตามความเห็นของนาย ห่าวันเซียว รองอธิบดีทบวงการท่องเที่ยวเวียดนาม ในปี 2017 ถ้าหากโครงสร้างพื้นฐานสะดวกมากขึ้นก็อาจมีนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียมาเที่ยวเวียดนาม 1 แสนคน.