(VOVWORLD) - เดือนรอมฎอนเป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่สำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลก โดยนอกเหนือจากการถือศีลอดและการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ แล้ว เดือนรอมฎอนยังถือเป็นช่วงเวลาเสริมสร้างความศรัทธาและเพิ่มพูนความดีสำหรับชาวมุสลิม
ครอบครัวนาย Rudy Hartono ไปแสวงบุญที่นครเมกกะ |
“ผมรู้สึกดีใจมากๆ ที่องค์อัลลอฮ์ทรงประทานพรให้แก่การละหมาดของผม ช่วยให้ผมได้เดินทางไปแสวงบุญที่เมกกะกับครอบครัวเมื่อหลายปีก่อน ส่วนในครั้งนี้ พวกเราอยู่ที่เมกกะ 12 วัน โดยได้ทำการละหมาดรอบกะอ์บะฮ์ ณ มัสยิด อัลฮะรอม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมรู้สึกมีความสุขที่สามารถพาครอบครัวมาที่นี่ได้”
การไปแสวงบุญที่นครเมกกะไม่เพียงแค่เป็นความปรารถนาของครอบครัวนาย Rudy Hartono จากประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น แต่นี่เป็นความปรารถนาของชาวมุสลิมทั่วโลกเพื่อเป็นการแสดงความเคารพศรัทธาต่อพระเจ้าและศาสดามูฮัมหมัด โดยการถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนและการไปแสวงบุญที่เมกกะ เป็นสองในห้าสิ่งสำคัญของศาสนาอิสลาม นอกเหนือจากความศรัทธา การละหมาด และการทำบุญ
ดังนั้น หลังเดินทางกลับจากนครเมกกะ นาย Rudy Hartono ก็กลับไปทำงานประจำของตนเอง พร้อมประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ ในช่วงเดือนรอมฎอน ตั้งแต่เดือนที่ 9 ตามปฏิทินของชาวมุสลิม ซึ่งในปีนี้ จะอยู่ระหว่างวันที่ 11 มีนาคม ถึงวันที่ 10 เมษายน สำหรับการถือศีลอดนั้นหมายความว่า จะไม่กินอาหาร ไม่ดื่มน้ำ และไม่สูบบุหรี่ ในช่วงเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อช่วยให้ชาวมุสลิมรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่ประสบความยากลำบาก ฝึกความอดทนอดกลั้น และรู้จักคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่ตนมีอยู่ นอกจากนี้ ชาวมุสลิมยังต้องประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการสวดมนต์
ในบริเวณพื้นที่ละหมาดของมัสยิดอัลนูร์ เลขที่ 12 ถนนห่างเหลือก ชาวมุสลิมกว่า 150 คนที่อาศัยอยู่ในกรุงฮานอยและพื้นที่ต่างๆ โดยรอบ กำลังทำการละหมาดตะรอเวียะห์ ตามคำแนะนำของอิหม่าม โดยตะรอเวียะห์ เป็นการสวดมนต์เพิ่มเติมที่มัสยิดหลังการรับประทานอาหารในช่วงเวลาละศีลอดหรืออิฟตาร์ นอกเหนือจากการละหมาดห้าครั้งต่อวัน อิหม่าม Nasir ได้อธิบายเกี่ยวกับพิธีนี้ว่า
“พิธี ตะรอเวียะห์ เป็นการสวดมนต์ที่มีเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอนเท่านั้น ซึ่งจะสวดกันในเวลา 2-3 ทุ่ม โดยศาสดามูฮัมหมัดได้กล่าวไว้ว่า ใครก็ตามที่ถือศีลอดและละหมาดตะรอเวียะห์ พระเจ้าจะช่วยลบล้างบาปกรรมที่ก่อไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด”
ที่มัสยิดอัลนูร์ เลขที่ 12 ถนนห่างเหลือก |
อิหม่าม Nasir ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมจะพยายามละหมาดที่มัสยิดให้ได้มากที่สุด เนื่องจากการละหมาดที่มัสยิดนั้นจะได้รับพร 27 ประการ ในขณะที่การละหมาดที่บ้านจะได้พรเพียงแค่ 10 ประการเท่านั้น นาง ลิงจี ผู้นับถือศาสนาอิสลามในกรุงฮานอย เผยว่า
“ในเดือนรอมฎอนฉันมักจะไปทำละหมาดที่มัสยิด ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 15 แล้ว แต่ความรู้สึกที่สุขยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอน ชุมชนชาวมุสลิมทั่วโลก รวมถึงในกรุงฮานอย ล้วนให้ความสำคัญกับการละหมาดอยู่เสมอ เพราะเดือนนี้เป็นเดือนที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ โดยทุกคนต่างต้องการให้คำอธิษฐานของตนได้รับการยอมรับจากพระเจ้า”
ในช่วงเดือนรอมฎอน ชุมชนชาวมุสลิมยังให้ความสนใจเรื่องการทำบุญเป็นอย่างมาก โดยผู้มีฐานะดีจะให้ความช่วยเหลือคนจนเพื่อจะได้มีความสุขร่วมกัน อีกทั้งยังช่วยกันทำความสะอาดมัสยิด ทำกิจกรรมการกุศลที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และแจกอาหาร ด้วยความเชื่อว่า การทำความดีและการไม่ทำชั่วในช่วงรอมฎอนนั้นจะช่วยเสริมบุญ
ทั้งนี้ เดือนรอมฎอนยังได้สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจที่เป็นกุศล รวมถึงการสานสัมพันธ์ในครอบครัวและความเชื่อมโยงกับชุมชนอีกด้วย.