เวียดนาม-จุดหมายปลายทางด้านการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับสถานประกอบการผลิตเภสัชภัณฑ์ของอินโดนีเซีย
Thuy Trang- VOV5 -  
(VOVWORLD) -ปัจจุบัน เวียดนามเป็นตลาดเภสัชภัณฑ์ใหญ่อันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นหนึ่งในกลุ่ม 17 ประเทศที่มีอัตราการขยายตัวด้านเภสัชภัณฑ์มากที่สุด ซึ่งหน่วยงานเภสัชภัณฑ์มีศักยภาพสูงมากเนื่องจากเวียดนามมีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นและประชาชนเน้นให้ความสนใจปัญหาสุขภาพ ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับสถานประกอบการผลิตเภสัชภัณฑ์ของต่างประเทศ รวมทั้งอินโดนีเซีย
นาย Denny Abdi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามและผู้แทนต่างๆเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านเภสัชภัณฑ์ปี 2022 ณ กรุงฮานอย |
ตามข้อมูลของทบวงสถิติ จำนวนผู้สูงอายุในเวียดนามได้เพิ่มมากขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน มีผู้สูงอายุประมาณ 11.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.86 ของประชากร อัตราผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในเวียดนามในปี 2022 อยู่ที่ร้อยละ 12 และจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ในปี 2050 ซึ่งก็หมายความว่า เมื่อจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ความต้องการดูแลสุขภาพก็เพิ่มขึ้น อัตราผู้ใช้บัตรประกันสุขภาพและอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ดังนั้น หน่วยงานเภสัชภัณฑ์มีโอกาสเพื่อพัฒนาอย่างรวดเร็วมากขึ้น คาดว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของเวียดนามจะอยู่ที่กว่า 2 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030
ส่วนอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกและอันดับที่ 3 ของภูมิภาคเอเชียคือกว่า 279 ล้านคนในปี 2022 นาย Budi Gunadi Sadikin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียได้พยากรณ์ว่า รายได้ของหน่วยงานเภสัชภัณฑ์ของอินโดนีเซียจะอยู่ที่ 3 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีถ้าหากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 300 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 112 ดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ทุกปี ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเฉลี่ยต่อหัวประชากรของอินโดนีเซียอยู่ที่ 300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจะอยู่ที่กว่า 8 หมื่น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อยาร้อยละ 40 รายได้ของหน่วยงานเภสัชภัณฑ์อินโดนีเซียจะอยู่ที่ 3 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นาย Denny Abdi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามได้เผยว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพอีกมากในด้านเภสัชภัณฑ์
“ผมเห็นว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพความร่วมมือด้านเภสัชภัณฑ์อีกมาก จากการเป็นสองประเทศสมาชิกอาเซียน อินโดนีเซียและเวียดนามไม่เพียงแต่ส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีเท่านั้นหากยังร่วมกันสร้างสรรค์พลังร่วมของอาเซียนเพราะทั้งสองประเทศมีประชากร 640 ล้านคน พวกเราเป็นสมาชิกในครอบครัวอาเซียนและมีภาระหน้าที่ใหญ่คือปกป้องสุขภาพชุมชนผ่านการพัฒนาหน่วยงานเภสัชภัณฑ์อย่างเข้มแข็ง”
จากความได้เปรียบในด้านเภสัชภัณฑ์ บริษัท Trimitra Garmedindo Interbuana (TGI) ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1992 โดยผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและเจลล้างมือ เป็นต้น ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านเภสัชภัณฑ์ที่ถูกจัดขึ้นทุกๆปี ณ เวียดนามและแสวงหาโอกาสการขยายความสัมพันธ์ร่วมมือกับตลาดที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นาย Anggie Gustiar ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด TGI ได้เผยว่า
“พวกเราได้เดินทางมาเวียดนามหลายครั้งและในครั้งนี้ พวกเราเห็นว่า ตลาดเวียดนามยังคงมีศักยภาพอีกมากเพื่อพัฒนาและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของพวกเราที่นี่ ตลาดสาธารณสุขของเวียดนามและอินโดนีเซียมีความคล้ายคลึงกัน พวกเรากำลังประกอบธุรกิจด้านอุปกรณ์การแพทย์และมีความประสงค์ว่า ผลิตภัณฑ์ของพวกเราสามารถครองส่วนแบ่งมากขึ้นในตลาดเวียดนาม นอกจากการแสวงหาผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แล้ว พวกเราอยากเข้าถึงผู้บริโภคเวียดนาม”
ตามกรมตลาดเอเชีย-แอฟริกา สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียใน 11 เดือนของปี 2022 อยู่ที่กว่า 1 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021 โดยเฉพาะในปี 2021 เวียดนามได้นำเข้าเภสัชภัณฑ์คิดเป็นมูลค่ากว่า 15.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากอินโดนีเซีย ปัจจุบัน รายได้ของหน่วยงานเภสัชภัณฑ์และแพทย์แผนโบราณของอินโดนีเซียอยู่ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2022 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วน Pharma Group สมาชิกของสมาคมสถานประกอบการยุโรปในเวียดนามหรือ EuroCham ได้ย้ำว่า เวียดนามมีสถานะที่นับวันสูงเด่นมากขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าด้านวิทยาศาสตร์และชีวิตเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่บริษัทต่างๆอยากใช้ตลาดเวียดนามเพื่อเจาะตลาดประเทศอื่นๆในภูมิภาค นาง Febie Yuriza Poetri ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัท PT Graha Teknomedika ได้เผยว่า บริษัท PT Graha Teknomedika ได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องเฟอนิเจอร์สำหรับโรงพยาบาลชั้นนำในอินโดนีเซียมีความประสงค์ที่จะขยายความร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างชาติ โดยเฉพาะเวียดนาม
“พวกเรามีความประสงค์ที่จะแสวงหาหุ้นส่วนและผู้จำหน่ายในเวียดนามและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถเจาะตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดโอกาสความร่วมมือกับผู้ผลิตในเวียดนามและประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อร่วมกันพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์”
เอกอัครราชทูต Denny Abdy เผยว่า สถานทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามจะให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนบริษัทต่างๆของอินโดนีเซียที่ผลิตอุปกรณ์การแพทย์และเตียงผู้ป่วยเพื่อเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านเภสัชภัณฑ์ทุกปี ทางสถานทูตฯจะสนับสนุนการเชื่อมโยงสถานประกอบการเภสัชภัณฑ์อินโดนีเซีย สร้างโอกาสการเข้าถึงและส่งเสริมความร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆที่มีศักยภาพในเวียดนาม.
Thuy Trang- VOV5