ร้อยโท ทิพพวงศ์ สุมาวัฒน์

หลังจากได้ทราบข่าวท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงวียนฟู้จ่อง ถึงแก่อสัญกรรม  ร้อยโท ทิพพวงศ์ สุมาวัฒน์ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่กองทัพประชาชนลาว ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ โดยรูปภาพจากอัลบั้มในโทรศัพท์มากกว่า 1 ใน 3 ที่เขาได้ส่งให้บรรณาธิการและผู้สื่อข่าวภาคภาษาลาวดู คือรูปของประธานโฮจิมินห์และเลขาธิการใหญ่พรรค เหงียนฟู้จ่อง – สองผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่เขาเคารพนับถือ ซึ่งถึงแม้ได้มีโอกาสพบกับท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงียนฟู้จ่อง เพียงครั้งเดียว ตอนได้รับเลือกเป็นตัวแทนนักเรียนที่ให้การต้อนรับท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเยือนประเทศลาวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2014 ซึ่งนี่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาตัดสินใจเรียนภาษาเวียดนาม เพื่อจะได้ศึกษาการใช้ชีวิตและการทำงานของท่าน เหงวียนฟู้จ่อง

“หลังจากได้รับฟังบทปราศรัยของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในโอกาสการพบปะและพูดคุยเกี่ยวกับจิตใจแห่งพันธมิตรในการต่อสู้ระหว่างลาวกับเวียดนาม ทำให้ผมมีความสนใจและอยากศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผู้นำท่านนี้ ซึ่งทำให้ผมทราบว่า ท่านเคยทำงานในด้านสื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งยิ่งทำให้ผมชื่นชอบท่านเป็นอย่างมากเพราะผมก็เป็นคนชอบการอ่านและการเขียน ผมติดตามข่าวสารต่างๆ ผ่านสื่อมวลชน โดยเฉพาะบทปราศรัยต่างๆ ของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ ซึ่งมีหลายประโยคในบทปราศรัยของท่านที่ได้กลายเป็นเข็มทิศนำทางและคติในการใช้ชีวิตที่สร้างพลังและแรงบันดาลใจในการทำงานให้แก่ผม”

นางสาว ทองมี สีหวงศ์ นักศึกษาระดับปริญญาเอกจากสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์

ส่วนนางสาว ทองมี สีหวงศ์ นักศึกษาระดับปริญญาเอกจากสถาบันการเมืองแห่งชาติโฮจิมินห์ ก็มีความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ที่ได้ศึกษาเรื่องราวที่มีคุณค่ามากมายจากหนังสือของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงียนฟู้จ่อง

“แม้ยังไม่เคยมีโอกาสพบท่าน แต่ฉันก็ติดตามผลงานการบริหารชี้นำประเทศ รวมถึงผลงานการเขียนหนังสือต่าง ๆ ของท่าน ซึ่งฉันได้เรียนรู้แนวคิดการเป็นผู้นำตลอดจนการใช้สื่อสารสนเทศจำนวนมากในการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาหน่วยงานปกครองท้องถิ่น และพัฒนาประเทศ โดยหนังสือของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงียนฟู้จ่อง ถือเป็นชุดเอกสารและบทเรียนอันล้ำค่าสำหรับประชาชนทุกชั้นชน”

สำหรับในช่วงพักร้อนของเด็กๆ นักเรียน นายสมพล วรรณลัด ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมสิทนะชัยในเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ กลับมีการงานที่เยอะขึ้นกว่าปกติ หลังจากได้ทราบข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงวียนฟู้จ่อง ซึ่งเป็นผู้ที่สนับสนุนการอุปถัมก่อสร้างโรงเรียนแห่งนี้เมื่อปี 2016 นายสมพล ได้รับโทรศัพท์หลายสายจากครูและผู้ปกครองที่มีความประสงค์อยากโทรมาไถ่ถามและแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียครั้งใหญ่นี้ นายสมพล วรรณลัด เล่าให้ฟังว่า เนื่องด้วยการสนับสนุนของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงวียนฟู้จ่อง คุณครูและเด็กๆ นักเรียน ได้มีโอกาสมากขึ้นในด้านการศึกษา อีกทั้งดัชนีด้านการศึกษาของจังหวัดก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา

“ผมขอยกย่องความรักและการสนับสนุนอย่างล้นหลามของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เหงียนฟู้จ่อง ต่อการพัฒนาด้านการศึกษาของท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนในการส่งเสริมความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือพิเศษระหว่างลาวกับเวียดนามที่กว้างลึกและใกล้ชิดกัน อีกทั้งสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่นักเรียนก่อนเข้ารั้วมหาวิทยาลัยหรือการเรียนต่อในสายอาชีพ โดยของขวัญจากท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ จะยังคงเป็นสมบัติอันล้ำค่าสำหรับลูกหลานประชาชนลาวในแขวงบอลิคำไซ ที่พวกเราจะไม่มีวันลืม”

นายสมพล วรรณลัด

ภาพโต๊ะทำงานที่มีแต่หนังสือและเอกสาร กับชุดเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่ผ่านกาลเวลามาหลายปี รวมถึงคำกล่าวของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง นั้น ไม่เพียงแค่สร้างพลังใจให้ประชาชนเวียดนามเท่านนั้น แต่ยังเป็นสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มคนลาวรุ่นใหม่อย่างคุณ ทิพพวงศ์ ในการแบ่งปัน สานต่อ ศึกษาและปฏิบัติตามวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นกันเอง และจิตใจแห่งการเรียนรู้อย่างไม่หยุดยั้งของท่าน เหงียนฟู้จ่อง

“คนเราเกิดแค่หนเดียว เราต้องใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิ โดยไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายเพราะการกระทำที่เลวทรามและไร้ยางอาย แม้มีเงินมีทองมากมายแต่เมื่อสิ้นลมหายใจก็เอาติดตัวไปไม่ได้ นี่คือคำกล่าวของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคฯ ที่แม้เป็นประโยคสั้นๆ แต่ก็มีความหมายอันลึกซึ้งสำหรับทุกคน การจากไปของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของพรรค รัฐ ประชาชนเวียดนาม และมิตรสหายทั่วโลก ชื่อเสียง ผลงานที่ท่านทำการเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมและการอุทิศตนในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมนั้น จะยังคงเป็นแบบอย่างที่สวยงามที่ช่วยส่องแสงนำทางให้แก่คนรุ่นหลังและสถิตอยู่ในใจของพวกเราตราบนิจนิรันดร์”