( VOVworld )- เมื่อเร็วๆนี้ เว็บไซต์การท่องเที่ยวทริปอาดไวเซอร์ที่มีชื่อเสียงของโลกได้จัดพิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามของเวียดนามติดท็อปชาร์ต ๕ แห่งของเอเชียที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในเอเชียในจำนวนทั้งหมด ๒๕ แห่งจากการโหวตของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เชิงศึกษาประวัติศาสตร์ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศและชาวเวียดนามมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย

นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมอย่างไม่ขาดสาย

พิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามเลขที่ ๒๘ ถนนหวอวันเติ่น เขต ๖ นครโฮจิมินห์ ซึ่งก่อนสงครามยุติลงปีค.ศ.๑๙๗๕ ที่นี่เป็นที่ซ่อมบำรุงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกของกองทัพอเมริกาและรัฐบาลไซ่ง่อน  เมื่อประเทศได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์รวมเป็นหนึ่งเดียว วันที่ ๔ กันยายนค.ศ.๑๙๗๕ ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของวัตถุเกี่ยวกับความโหดร้ายและโทษกรรมของทหารอเมริกันและทหารของรัฐบาลไซ่ง่อนสมัยนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคมปีค.ศ.๑๙๙๕ ที่นี่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นพิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามจนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามถูกจัดอยู่ในระบบพิพิธภัณฑ์เพื่อสันติภาพของโลกและเป็นสมาชิกสภาพิพิธภัณฑ์โลกหรือไอคอม โดยได้สะสม เก็บรักษาและจัดแสดงเอกสาร ภาพถ่าย สิ่งของวัตถุเกี่ยวกับสงครามและผลร้ายจากสงครามโดยการรุกรานเวียดนามของต่างชาติ  ที่นี่ยังแนะนำชัยชนะอย่างวีรอาจหาญของชาวเวียดนามเพื่อกอบกู้เอกราชมาให้แก่มาตุภูมิและปกป้องประเทศ  คุณหวิ่งหงอกเวิน ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ฯเปิดเผยว่า ทางพิพิธภัณฑ์ได้เก็บรักษาสิ่งของวัตถุ เอกสาร ภาพถ่ายและภาพยนตร์กว่า ๒๐,๐๐๐ ชิ้น ซึ่งได้กลายเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวเพื่อค้นคว้าประวัติศาสตร์จากเอกสารและสิ่งของวัตถุที่มีค่า คุณเวินกล่าว  “ พิพิธภัณฑ์เปิดรับผู้เข้าชมเมื่อวันที่ ๔ กันยายนค.ศ.๑๙๗๕ ในพื้นที่แคบและที่จัดแสดงเป็นบ้านหลังเล็กหลังคามุงกระเบื้อง  มาปี ค.ศ.๒๐๐๒ รัฐและทางการนครโฮจิมินห์ได้ลงทุนก่อสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ที่โอ่โถงสวยงามดังปัจจุบันจึงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น  เฉพาะปี ๒๐๑๒ มีนักท่องเที่ยว ๗ แสนคนมาเที่ยวชม คิดเฉลี่ยแต่ละวันมีผู้มาเที่ยวชม ๒,๐๐๐ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ”

เปลนอนสมัยสงครามต่อต้านสหรัฐอเาริกา

ที่พิพิธภัณฑ์มีสถานที่จัดแสดงหลายแห่งและจัดแสดงสิ่งของที่หาค่ามิได้เกี่ยวกับสงครามตามแนวชายแดนภาคตะวันตกเฉียงใต้ สงครามปกป้องชายแดนภาคเหนือ โดยเฉพาะห้องจัดแสดงที่มีชื่อว่า ความทรงจำ เกี่ยวกับสงครามในอดีต ความเสียสละและความสูญเสียทำให้ผู้ชมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ คุณเหงวียตเซือง เจ้าหน้าที่ผู้บรรยายของพิพิธภัณฑ์เปิดเผยว่า  “ ห้องนี้ถูกจัดโดยชาวอังกฤษและเยอรมัน ซึ่งทำให้ผู้เข้าชมเข้าใจเกี่ยวกับสงครามรุกรานเวียดนามโดยกองทัพอเมริกา พวกเขาใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ส่งทหารและเครื่องบินที่ทันสมัยมาทำสงครามในเวียดนาม ในทางตรงกันข้าม กองทัพเวียดนามมีอาวุธธรรมดาแต่กล้าต่อต้านกับกองทัพที่ทันสมัย  ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีอาวุธที่ทันสมัยแต่กองทัพอเมริกาต้องพ่ายแพ้กองทัพเวียดนามที่มีอายวุธธรรมดา ”

รถลากขนส่งศพอาสาสมัครทำถนนสมัยสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ในบริเวณพิพิธภัณฑ์ยังจัดแสดงจ่วงกอบหรือกรงขังนักโทษเวียดนามที่สูง๑.๘เมตร กว้าง ๒x๑.๖เมตร แม้จะแคบมากแต่แต่ละกรงจะขังนักโทษการเมืองชาวเวียดนาม ๑๐ คน ที่พวกเขาต้องนอนตะแคง และยังมีเครื่องกิโยตีนที่ผลิตตั้งแต่สมัยฝรั่งเศสปกครองเวียดนาม ต่อมาสมัยรัฐบาลโงดิ่งเหยี่ยมได้ใช้เครื่องมือนี้ตัดคอนักรบคอมมิวนิสต์หลายคน  ทั้งนี้ทำให้ผู้ที่มาเที่ยวชมเข้าใจความเสียสละและความทรหดอดทนของนักรบปฏิวัติเวียดนามที่ต้องทนกับการทารุณกรรมในเรือนจำ คุณเซือนเปิดเผยต่อไปว่า กรงขังจ่วงกอบหรือกรงขังนักโทษเป็นหนึ่งในจำนวน ๑๒๐ กรงที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซม มันเป็นที่ขังพิเศษเพื่อคุมขังชาวเวียดนามที่รักชาติโดยสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลสมัยนั้น

พิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามได้รับจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของนครโฮจิมินห์จากทั้งหมด ๑๐ แห่ง ในโครงการท่องเที่ยว ๑๐๐ สิ่งที่น่าสนใจของนครโฮจิมินห์ และยังได้ระบุในระบบพิพิธภัณฑ์เพื่อสันติภาพ ๖๐ แห่งขององค์การยูเนสโก  นายตากา มูระ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกล่าวถึงความรู้สึกของตนหลังจากได้ชมพิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามว่า  “ เมื่อชมแล้ว ผมเห็นว่า สงครามได้ทิ้งความเสียหายและสูญเสียอย่างรุนแรงไว้ให้แก่ชาวเวียดนาม โดยเฉพาะเหยื่อสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน เมื่ออ่านเอกสารและชมภาพต่างๆในพิพิธภัณฑ์ผมรู้สึกบอกไม่ถูก นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศต่างยืนสงบสติอารมณ์ขณะชมเอกสารเหล่านี้ ”

นักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจชมภาพและสิ่งของวัตถุเกี่ยวกับผลร้ายจากสารพิษสีส้ม

สงครามได้ผ่านพ้นไปหลายสิบปี ชาวเวียดนามปัจจุบันกำลังทำงานเพื่อพัฒนาประเทศและสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ ส่วนพิพิธภัณฑ์หลักฐานสงครามจะทำให้ผู้ที่เข้าชมเข้าใจคุณค่าของสันติภาพ ความปรารถนาที่จะได้อยู่ในสันติภาพของคนเวียดนามเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ดีงามกว่า ./.

รถถังคันนี้เข้าร่วมสงครามกู้ชาติในทั่วทุกแห่งของประเทศ

เครื่องบินไอพ่นลำนี้ก้บนักบินชาวเวียดนามผ่านสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกา