เยือนพิพิธภัณฑ์ ทางเท้าโฮจิมินห์
Vinh Phong-VOV5 -  
( VOVworld )-ทางเท้าโฮจิมินห์เป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ตามเทือกเขาเจื่องเซินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเส้นทางมหัศจรรย์ เป็นบทเพลงแห่งวีรกรรมที่อมตะในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของคนเวียดนาม เมื่อสันติภาพกลับคืนมาสู่ประเทศเวียดนาม เรื่องราว ความทรงจำและสิ่งของวัตถุต่างๆเกี่ยวกับเส้นทางอันมหัศจรรย์นี้ได้ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์เพื่อให้ผู้เข้าชมทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างชาติได้เข้าใจประวัติศาสตร์เวียดนามระยะหนึ่งที่รุ่งโรจน์และมีเรื่องราวต่างๆมากมาย
( VOVworld )-
ทางเท้าโฮจิมินห์เป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ตามเทือกเขาเจื่องเซินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเส้นทางมหัศจรรย์ เป็นบทเพลงแห่งวีรกรรมที่อมตะในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของคนเวียดนาม เมื่อสันติภาพกลับคืนมาสู่ประเทศเวียดนาม เรื่องราว ความทรงจำและสิ่งของวัตถุต่างๆเกี่ยวกับเส้นทางอันมหัศจรรย์นี้ได้ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์เพื่อให้ผู้เข้าชมทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างชาติได้เข้าใจประวัติศาสตร์เวียดนามระยะหนึ่งที่รุ่งโรจน์และมีเรื่องราวต่างๆมากมาย กวีฝ่ามเตี๊ยนหยวตซึ่งเป็นทหารผ่านศึกได้เขียนไว้ในสมุดเยี่ยมของพิพิธภัณฑ์เมื่อไปเยือนว่า “ แม้ไม่อาจจัดแสดงเทือกเขาทั้งหมดไว้ในบ้านหลังหนึ่งได้ แต่พิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์ได้เก็บเพชรและแร่ที่หายากของเทือกเขานั้นไว้ ”
พิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์
เดินทางจากทะเลสาบโห่เกือบหรือทะเลสาบคืนดาบตามทางหลวงหมายเลข ๖ ผ่านตัวเมืองห่าดงประมาณ ๑๖ กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าไปตามเส้นทางเล็กๆที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้แล้วเดินต่อไปประมาณ ๗๐๐ เมตรก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์ เมื่อมองจากไกลๆ อาคารพิพิธภัณฑ์ตั้งสง่างามท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจีซึ่งทำให้เรานึกถึงเทือกเขาเจื่องเซินที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอก พิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่๒๘ กุมภาพันธ์ค.ศ.๑๙๙๖และตัดริบบิ้นเปิดตัวเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายนค.ศ.๑๙๙๙ ซึ่งตรงกับโอกาสครบรอบ ๔๐ปีการก่อตั้งหน่วยทหาร๕๕๙ซึ่งก็คือกองทหารผสมเจื่องเซินที่หาญกล้า พันเอกเงินจ่าย ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์เปิดเผยว่า พิพิธภัณฑ์เก็บรักษาเอกสารและสิ่งของวัตถุที่มีค่าและหายากเพื่อแนะนำเรื่องราวที่วีระอาจหาญของทหารเจื่องเซินและความสามัคคีที่เหนียวแน่นระหว่างประชาชนเวียดนาม ลาวและกัมพูชาที่ร่วมรบกันในสมรภูมิ พันเอกเงินจ่ายกล่าวว่า “ พิพิธภัณพ์ทางเท้าโฮจิมินห์เป็นการต่อยอดพิพิธภัณฑ์เจื่องเซินที่ได้รับการจัดตั้งในปีค.ศ.๑๙๖๘ ณ เจื่องเซิน โดยเริ่มแรก พนักงานของพิพิธภัณฑ์เป็นเจ้าหน้าที่และทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รณรงค์และประชาสัมพันธ์ทางการเมือง คนเหล่านี้ได้รวบรวมและเก็บสิ่งของวัตถุต่างๆเพื่อจัดงานนิทรรศการ และก็พัฒนามาเรื่อยๆจนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เจื่องเซิน พิพิธภัณฑ์ฯช่วยปลุกขวัญและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และทหารแนวหน้าให้ทำการต่อสู้ ”
ป้ายทองแดงสลักรูปเหล่าทหารกับลุงโฮ
พิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมวัฒนธรรมเกี่ยวกับทหารเจื่องเซินโดยเฉพาะได้รับก่อสร้างในพื้นที่ ๑๗,๐๐๐ตารางเมตร ส่วนอาคารจัดแสดงมี ๓ ชั้นรวมพื้นที่ใช้สอย ๒๘,๐๐๐ตารางเมตร มีป้ายทองแดงสลักเหล่าทหารเจื่องเซินรุ่นแล้วรุ่นเล่าอยู่ด้านหน้าอาคาร ภายในอาคารจัดแสดงสิ่งของวัตถุเกี่ยวกับกระบวนการก่อเกิดและพัฒนาของเส้นทางขนส่งยุทธศาสตร์ตั้งแต่ช่วงที่ต้องขนส่งด้วยแรงคนโดยไม่เห็นรอยเท้าและเสียงคน การหุงหาอาหารก็ไม่เห็นควันต่อมาเป็นการขนส่งด้วยรถบนเส้นทางต่างๆตามเทือกเขาเจื่องเซิน พันเอกเงินจ่ายเล่าว่า “ ตั้งแต่ปีค.ศ.๑๙๙๕ พิพิธภัณฑ์เจื่องเซินได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์ระดับชาติ ที่นี่ยังเก็บรักษาเอกสารต้นฉบับที่มีค่าและสิ่งของวัตถุของพิพิธภัณฑ์เจื่องเซิน รวมสิ่งของวัตถุกว่า ๒,๐๐๐ชิ้น อาคารนี้สามารถจัดแสดงสิ่งของวัตถุได้ประมาณ ๒,๐๐๐ ชิ้นเท่านั้น ดังนั้นทางพิพิธภัณฑ์ต้องผลัดเปลี่ยนการจัดแสดงสิ่งของวัตถุและเนื้อหาการจัดแสดง นอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ยังจัดนิทรรศการสัญจรต่างๆเพื่อแนะนำเกี่ยวกับเจื่องเซินสู่ผู้ชมมากขึ้น ”
ในพิพิธภัณฑ์ยังมีแบบจำลองขนาดใหญ่ที่ย้อนอดีตสู่สมรภูมิที่ดุเดือดต่างๆเช่น จ่าหล่า หมูหย่า กัวจื๋ออา ฟูลาญิก ตาเลและเส้นทางลับเคเพื่อป้องกันสงครามอิเล็กทรอนิกของศัตรู ทั้งนี้แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ วีรกรรมและความเสียสละอย่างกล้าหาญของทหารเจื่องเซินอย่างมีชีวิตชีวาและเป็นระบบ พันเอกเงินจ่ายเล่าว่า ทางลับถือเป็นผลงานที่มหัศจรรย์ของกองทัพเวียดนาม สะท้อนจิตใจมุ่งมั่นและความฉลาดของทหารเจื่องเวิน พันเอกเงินจ่ายกล่าวว่า “ การก่อสร้างเส้นทางลับต้องอาศัยป่าดงดิบเพราะทหารของเราขนส่งเสบียงตอนกลางคืนเท่านั้น แต่เมื่อกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อค้นหารถของกองทัพเราที่วิ่งตอนกลางคืน ด้วยเหตุนี้ ทหารเจื่องเซินได้ก่อสร้างเส้นทางลับให้รถสามารถวิ่งตอนกลางวันได้ โดยช่วงทางที่มีต้นไม้หนาก็เอากิ่งไม้มาบังให้มิดชิด ส่วนช่วงที่มีต้นไม้กระจัดกระจายก็ปลูกเพิ่มและแขวนช่อกาฝากเพื่อพรางตา ทหารเจื่องเซินสามารถสร้างเส้นทางลับยาวกว่า ๓,๐๐๐กิโลเมตร ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งไม่มีสองในโลกที่ทำให้กองทัพของเราสามารถขนส่งเสบียงต่างๆด้วยรถเข้าสู่สมรภูมิภาคใต้ ”
ทางเท้าโฮจิมินห์
แต่ละปีมีผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์หลายหมื่นคนซึ่งมีทั้งชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาศึกษาและเยี่ยมชม ทำให้พิพิธภัณฑ์มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับสามในระบบพิพิธภัณฑ์ของเวียดนาม พันตรีเหงวี่ยนห่ายบิ่นห์ หัวหน้าฝ่ายจัดแสดงและประชาสัมพันธ์คุยกับพวกเราว่า คนรุ่นตนเข้าใจความลำบากยากเข็ญผ่านคำบอกเล่าและสิ่งของวัตถุเท่านั้น แต่ก็รู้สึกถึงความเสียสละ จิตใจมุ่งมั่นและอดทนของทหารเจื่องเซิน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ได้เรียนรู้และศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อแนะนำให้ผู้เข้าชมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรของเส้นทางเจื่องเซิน พันตรีเหงี่ยนห่ายบิ่นห์กล่าวว่า “ ทหารผ่านศึก นักศึกษาและชาวต่างชาติที่มาที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาประทับใจและส่งจิตใจต่อทหารเจื่องเซิน พวกเขาบอกว่า ก่อนที่จะมาที่นี่ พวกเขาได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเจื่องเซิน แต่เมื่อมาแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นตำนาน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น เจื่องเซินไม่เพียงแต่เป็นตำนานเท่านั้น หากยังเป็นหัวข้อศึกษาวิจัยเพื่อเรียนรู้ พวกเขาได้สงวนน้ำใจอันใหญ่หลวงต่อทหารเจื่องเซิน คณะต่างชาติเมื่อมาที่นี่ต่างชมว่า ดีมากและอยากชมสิ่งของวัตถุให้ครบทุกอย่าง ”
พิพิธภัณฑ์ทางเท้าโฮจิมินห์คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์การต่อสู้อย่างวีระอาจหาญของกองทัพเวียดนามได้กลายเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างชาติ อีกทั้งเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเกียรติประวัติของทหารและประชาชนเวียดนามให้แก่คนรุ่นใหม่ ./.
ทางเท้าผ่านป่าดง
หน่วยปืนใหญ่ทหารเจื่องเซิน
Vinh Phong-VOV5