(VOVworld)- ทุกคนรู้จักชื่อของกรุงเก่าเว้ จากการเป็นเมืองแห่งมรดกวัฒนธรรมและมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวิหารฮวงซุ้ยกษัตริย์ราชวงศ์ Nguyen หลายแห่งโดยเฉพาะพระราชวังเก่าที่เป็นไฮไลต์ของการท่องเที่ยว แต่ทว่าเมื่อมาเที่ยวกรุงเก่าเว้แล้วยังไม่ได้ล่องแม่น้ำHuong-เฮือง หรือคนไทยเรียกกันว่าแม่น้ำหอมและฟังCa Hue –ศิลปะการร้องเพลงพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของชาวกรุงเก่าก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเว้.

นับตั้งแต่มีการพัฒนาการท่องเที่ยวกรุงเก่าเว้ ศิลปะการร้องเพลงพื้นเมืองที่เรียกว่า Ca Hue ก็ได้รับการผลักดันเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเว้และได้รับการจัดบริการอย่างเป็นมืออาชีพโดยค่าบริการล่องเรือฟังเพลงพื้นเมืองเว้อยู่ที่150.000ด่งหรือประมาณ200บาทต่อคนและรายการนี้จะเริ่มขึ้นเมื่อเวลาพลบค่ำ ถนนสายต่างๆในเมืองรวมทั้งสะพาน Truong Tien เริ่มเปิดไฟสว่างไสว เรือมังกรก็เริ่มออกจากท่ามุ่งหน้าไปยังกลางลำน้ำแล้วดับเครื่องเพื่อปล่อยให้เรือล่องลอยไปตามสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับเสียงดนตรีที่บรรเลงเพลงพื้นบ้านพร้อมการแสดงฟ้อนรำที่เป็นเอกลักษณ์ของเว้

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบยามราตรี เสียงพิณที่บรรเลงเพลงในพระราชวังอันไพเราะต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพลง Luu Thuy – Kim Tien – Xuan Phong และ Lang Ho นั้นจะนำทุกคนก้าวเข้าสู่โลกแห่งความฝัน ย้อนเวลากลับสู่อดีตในสมัยราชวงศ์ต่างๆของกรุงเก่าเว้ โดยสิ่งที่ทำให้ผู้ชมประทับใจในศิลปะการแสดง Ca Hue นอกจากลีลาเพลงและบรรยากาศที่ โรแมนติกแล้ว ก็คือเสน่ห์ของสาวเว้  ปัจจุบันมีสถานประกอบการ13แห่งที่ให้บริการโปรแกรมนี้พร้อมทีมเรือประมาณ100ลำและคณะศิลปีนกว่า400คน โดยคณะศิลปีนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆประมาณ8-10คนรวมทั้งนักร้องและผู้เล่นดนตรี ซึ่งศิลปีนเหล่านี้มีทั้งที่เป็นศิลปีนอาชีพและศิลปีนสมัครเล่น นาง Ton Nu Thi Hoa หัวหน้ากลุ่มศิลปีนเพลงพื้นบ้านเว้กล่าวว่า พวกเราได้รวมกันเป็นสโมสรผู้รัก Ca Hue แล้วไปจัดรายการหรือรับงานเสริมเป็นประจำทุกวัน โดยไม่เห็นรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แถมยังช่วยให้จิตใจร่าเริงแจ่มใสโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เกษียณอายุงานแล้วอย่างดิฉันก็จะรู้สึกมีความผูกพันธ์กับอาชีพนี้มากยิ่งขึ้น.

ส่วนคุณ Thanh Van นักร้องเพลงพื้นบ้านเว้ที่ประกอบอาชีพนี้มากว่า10ปีแล้วเผยว่า ถึงแม้รายได้จากการร้องเพลงจะไม่มากแต่เนื่องด้วยความรักอาชีพและรักเพลงพื้นเมืองเป็นชีวิตจิตใจเธอและนักร้องคนอื่นๆจึงยังคงมีความพยายามศึกษา ฝึกฝนอย่างเต็มที่เพื่อเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมที่โดดเด่นนี้ให้กับชาวเวียดนามทั่วประเทศและมิตรชาวต่างชาติ คุณ Thanh Tu นักร้องอีกคนเผยว่า ที่สำคัญที่สุดคือต้องรักอาชีพและรู้สึกซาบซึ้งกับเพลง ก่อนที่จะได้มาแสดงร้องเพลงเราก็ต้องผ่านการฝึกอบรมเพื่อที่จะได้เข้าใจในวิธีการร้อง ซึ่งเทคนิกการร้องของศิลปีนแต่ละคนจะไม่เหมือนกันและเราต้องรู้จักความหมายของเนื้อเพลงเป็นอย่างดีเพื่อสื่อความหมายช่วยให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วย

ปัจจุบันนี้ เนื่องจากความนิยมของผู้ฟังก็ได้มีการสอดแทรกเพลงสมัยใหม่เข้าไปในการแสดงแต่ก็ล้วนเป็นเพลงที่หวานซึ้งเกี่ยวกับเว้ทั้งนั้น เช่น เว้ที่รัก ไครจะไปเที่ยวเว้ เป็นต้น ซึ่งแม้จะเป็นบทเพลงที่สามารถหาฟังได้ง่ายแต่ถ้าได้ฟังคนท้องถิ่นร้องก็จะรู้สึกซาบซึ้งตรึงใจยิ่งนัก ก่อนจากลากัน ทุกคนบนเรือไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักดนตรีหรือผู้ชมต่างร่วมกันลอยโคมไฟลงแม่น้ำหอมเพื่ออธิษฐานขอพรให้แก่กัน เสียงเพลงพื้นเมืองเว้ที่แว่วหวานจะตราตรึงในใจของนักท่องเที่ยวทุกคนตลอดไปจนให้สัญญากับใจตัวเองว่า จะหาโอกาสกลับมาเยือนกรุงเก่าเว้อีกหลายครั้งเพื่อที่จะได้ปล่อยภวังค์ให้ล่องลอยกับลีลาอันไพเราะเสนาะโสดของเพลงพื้นเมืองเว้./.