นายมา วัน ดึ๊ก –ผู้อนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าไต

( VOVworld )- นายมา วัน ดึ๊ก ชนเผ่าไต อยู่ตำบลเติน ห่า เมืองเตวียน กวางได้ทุ่มเทตลอดชีวิตเพื่อศึกษาค้นหาวัฒนธรรมของชนเผ่าไต ท่านได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเพลงทำนองแทนของชนเผ่าไตและสอนให้แก่เด็กนักเรียนด้วย  ทั้งนี้เกิดจากความรักที่อยากจะอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของชนเผ่าตนให้แก่คนรุ่นหลังของนายมา วัน ดึ๊ก


( VOVworld )- นายมา วัน ดึ๊ก ชนเผ่าไต อยู่ตำบลเติน ห่า เมืองเตวียน กวางได้ทุ่มเทตลอดชีวิตเพื่อศึกษาค้นหาวัฒนธรรมของชนเผ่าไต ท่านได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเพลงทำนองแทนของชนเผ่าไตและสอนให้แก่เด็กนักเรียนด้วย  ทั้งนี้เกิดจากความรักที่อยากจะอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมของชนเผ่าตนให้แก่คนรุ่นหลังของนายมา วัน ดึ๊ก

นายมา วัน ดึ๊ก –ผู้อนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าไต - ảnh 1

เครื่อคอมพิวเตอร์และเอกสารข้อมูลกองพะเนินคือเพื่อนร่วมงานของนายมา วันดึ๊ก อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวจังหวัดเตวียน กวาง ในการศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมโดยเฉพาะวัฒนธรรมของชนเผ่าไต เนื่องจากทำงานในหน่วยงานวัฒนธรรม นายดึ๊กจึงตระหนักถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมของชนเผ่า เขาจึงศึกษา ค้นคว้าวัฒนธรรมชนเผ่าไตในทุกด้านไม่ว่าจะในด้านภาษา การแต่งกาย ขนบธรรมเนียมประเพณี อาหารการกินและสถาปัตยกรรม  นายดึ๊กเล่าให้ฟังว่า เพลงโบราณที่มีวัฒนธรรมและศิลปะพื้นเมืองเช่น เพลงทำนองแทนโบราณและเพลงกวาน หล่าง ซึ่งได้สืบต่อกันปากต่อปากมาหลายชั่วคน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทักทายกันของคนในหมู่บ้าน ขนบธรรมเนียมในการแห่ขันหมาก การส่งตัวเจ้าสาวและการให้โอวาทคู่บ่าวสาวเตรียมสู่ชีวิตคู่ แต่กว่าจะสามารถจดเพลงโบราณเหล่านี้ได้นั้นเขาต้องเดินทางไปถึงตำบลที่ไกลที่สุดของจังหวัดเพื่อหาผู้เฒ่าผู้แก่ชนเผ่าไตของหมู่บ้านและจดข้อมูลต่างๆจากการบอกเล่าของพวกเขา  นายมา วัน ดึ๊ก เปิดเผยว่า  “ เพื่อสามารถพูดคุยกับผู้เฒ่าเหล่านี้ได้ เราต้องเข้าใจขนบธรรมเนียมเพื่อกระตุ้นความทรงจำของพวกเขาออกมาในรูปการเล่าเรื่องราวต่างๆ  เตวียน กวางเป็นจังหวัดที่กว้างใหญ่และเป็นจังหวัดเขตเขา แต่ละพื้นที่จะมีวัฒนธรรมเฉพาะอาทิเช่น ในด้านภาษานั้น แต่ละหมู่บ้านในตำบลการออกเสียงก็ไม่เหมือนกัน หากไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาของพวกเขาได้ก็ยากที่จะทำการศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมพื้นเมือง  ผมมีความสะดวกอยู่ตรงที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาชนเผ่า  ผมพูดภาษาไตและเย้าได้อย่างคล่องแคล่ว  เนื่องจากผู้แก่เฒ่าต้องไปทำไร่ทำนาตอนกลางวัน ผมจึงต้องมาบ้านของพวกเขาช่วงค่ำและต้องนอนดึกเพื่อพูดคุยกับพวกเขาและจดข้อมูลต่างๆด้วย

ปัจจุบัน นายมา วัน ดึ๊ก สามารถค้นหาและสะสมเพลงกวาน หล่างได้กว่า ๑๐๐ บท แปลเนื้อร้องเพลงทำนองแทนโบราณ ๓ ชุดเป็นภาษาเวียดกลาง เอดิตสุภาษิตคำพังเพยชนเผ่าไตและบนกลอนเป็นสองภาษาไตและเวียด  นายดึ๊กตระหนักเสมอว่า เขากับคนรุ่นหลังต้องศึกษาค้นคว้าเพื่อเผยแพร่เพลงของชนเผ่าไตสู่หมู่บ้าน ตำบลและทุกบ้านเพื่อกลายเป็นขบวนการร้องเพลงพื้นเมืองอย่างกว้างขวาง โดยหวังว่า ศิลปินอาวุโสและบรรดาผู้ที่เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่าไตและมีความสามารถจะแต่งบทกลอนและเพลงเกี่ยวกับวิถีชีวิต ความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างคนด้วยกันและชีวิตในบ้านเกิดที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น  นายดึ๊กกล่าว  “ ต้องเผยแพร่เพลงพื้นเมืองของชนเผ่าต่างๆรวมถึงชนเผ่าไตให้เข้าสู่โรงเรียนเพื่อให้เด็กๆเข้าใจคุณค่าทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้ให้แก่ลูกหลาน ต้องอนุรักษ์ภาษาของชนเผ่า ตัวหนังสือและเพลงทำนองพื้นเมืองต่างๆ ซึ่งต้องการคนที่มีความหลงไหล ความรักในวัฒนธรรมพื้นเมืองเป็นชีวิตจิตใจ  เราต้องสร้างเป็นขบวนวัฒนธรรมและศิลปะในระดับพื้นฐานและจัดการแสดงการร้องเพลงพื้นเมือง ตลอดจนมีนโยบายส่งเสริมศิลปินอาวุโสในการประพันธ์ผลงานและแสดงในระดับท้องถิ่น

นายมา วัน ดึ๊ก –ผู้อนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าไต - ảnh 2
การแสดงร้องเพลงทำนองแทนของชนเผ่าไตที่เตวียน กวาง

ความทุ่มเทและความเข้าใจวัฒนธรรมชนเผ่าไตอย่างถ่องแท้จึงทำให้นายมา วัน ดึ๊กได้ชื่อว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมของชนเผ่าไต ซึ่งเขามักจะได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุม การสัมมนาและเสวนาของจังหวัดเกี่ยวกับวัฒนธรรมชนเผ่าและวัฒนธรรมของชนเผ่าไต  นายต๊ง ด่าย ห่ง ที่ร่วมศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมไตกับนายดึ๊กเปิเผยว่า  “ นายดึ๊กรักการศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมไต่เป็นชีวิตจิตใจ เขาเขียนหนังสือและแต่งบทกลอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมชนเผ่าไต รวบรวมเพลงทำนองแทนและด่อย นายดึ๊กถือเป็นบุคคลที่หายากของหน่วยงานวัฒนธรรมเตวียน กวาง เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานฯเป็นคนชนชาติกิงหรือเป็นชนเผ่าไตรุ่นใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์และความสามารถในการวิเคราะห์ดังเช่นนายดึ๊ก

ปัจจุบัน นายดึ๊กกำลังศึกษาค้นคว้าและเรียบเรียงเพลงทำนองกวาน หล่างที่ร้องในงานแต่งานของชนเผ่าไตเพื่อพิมพ์เป็นเล่ม  ทั้งนี้และทั้งนั้นเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าไตให้แก่คนรุ่นหลังได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันหลากหลายของชนเผ่าตนที่สืบทอดต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าจนตราบเท่าทุกวันนี้ ./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด