ภาพงานวันหนังสือเวียดนาม 2019

ท่ามกลางการพัฒนาของสังคมในยุคใหม่ การอ่านหนังสือยังคงได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะสามารถเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน สร้างความเพลิดเพลิน เสริมความรู้และการตระหนักในเรื่องต่างๆให้แก่ผู้อ่าน โดยเฉพาะเยาวชน ปัจจุบัน ประชาชนหลายคนชอบอ่านหนังสือมากกว่าการอ่านบนอินเตอร์เนตและมีเยาวชนหลายคนที่ต้องการให้ตู้หนังสือของตนมีหนังสือที่หลากหลายมากขึ้น เพราะการอ่านหนังสือบนอินเตอร์เน็ต ผู้อ่านมักจะไม่มีสมาธิเหมือนการอ่านจากหนังสือจริงๆ นอกจากนี้การอ่านหนังสือยังเป็นวิธีการเสริมความรู้ที่มีประสิทธิภาพ และเป็นความบันเทิงในราคาที่ไม่แพง คุณเหงวียนหายเอี๊ยน อาศัยที่เขตหว่านเกี๊ยม กรุงฮานอยได้เผยว่า“หนังสือคือเพื่อนคนสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเยาวชน ดิฉันชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมและหนังสือเสริมทักษะต่างๆสำหรับคนรุ่นใหม่เพราะมีประโยชน์มาก ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดิฉันก็ได้รับผลกระทบจากการใช้สมาร์ทโฟนและเฟสบุ๊ค แต่แทนที่จะอ่านจากเฟสบุ๊ค  ดิฉันจะหาอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ต่างๆ”

กิจกรรมเกี่ยวกับหนังสือหรืองานวันหนังสือต่างๆในเวลาที่ผ่านมา มีนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยได้ซื้อหนังสือ เข้าร่วมการเสวนาและการพบปะสังสรรค์กับผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม นักเขียนและกวีที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม ซึ่งภาพเยาวชนเลือกซื้อเลือกชมหนังสือตามบูธต่างๆในงานตั้งแต่เช้าถึงเย็นแสดงให้เห็นว่า หนังสือยังคงเป็นอาหารทางใจและเป็นคลังความรู้ที่ยิ่งใหญ่สำหรับเยาวชน โดยเยาวชนหลายคนได้เผยว่า การอ่านหนังสือคือวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อยกระดับความรู้ เปิดโลกทัศน์และมุ่งสู่คุณค่าที่ดีงามในชีวิต นอกจากนี้ การอ่านหนังสือยังช่วยพัฒนาจิตใจ คลายเครียด อีกทั้งเพิ่มคลังคำศัพท์ พัฒนาความจำ การวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ และสมาธิ คุณเจิ่นทูยาง นักศึกษาชั้นปีที่ 3มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ฮานอยได้เผยว่า“การอ่านหนังสือช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวันและเพิ่มเติมความรู้ต่าง ๆ อีกทั้งมีหลายเรื่องจากหนังสือที่สามารถเอามาเล่าให้เพื่อนฟัง นอกจากนี้ หนังสือยังมีข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อใช้ในการอ้างอิงนำเสนอผลงานต่างๆ ดิฉันมักจะอ่านหนังสือแนวฮาวทู หรือ Self-help เพื่อพัฒนาตัวเอง”

กิจกรรมเกี่ยวกับหนังสือหรืองานวันหนังสือต่างๆในเวลาที่ผ่านมา มีประชาชนทุกเพศทุกวัยเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่น่าสนใจคือการอ่านหนังสือยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวเพราะหนังสือเป็นคลังความรู้และช่วยพัฒนาผู้อ่านผ่านเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ทั้งนี้ ทำให้หนังสือวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ปรัชญาและวิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่เป็นหนังสือวิชาการเท่านั้น หากยังเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเยาวชนอีกด้วย นาย เจิ่นชี้ดาต ผู้อำนวยการและบรรณาธิการใหญ่สำนักพิมพ์การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ได้เผยว่า“ปัจจุบัน เยาวชนมีแนวโน้มเลือกอ่านหนังสือที่เผยแพร่ความรู้ทั่วๆไปและหนังสือทักษะชีวิต ดังนั้น พวกเราจึงวางแผนตีพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายต่างๆทุกปี เช่น นอกจากหนังสือพัฒนาทักษะชีวิตและหนังสือเสริมความรู้ในด้านต่างๆสำหรับเยาวชนแล้ว พวกเรายังมีหนังสือแนะนำทักษะต่างๆเพื่อให้เยาวชนสามารถปรับตัวเข้ากับบรรยากาศการทำงานได้อย่างรวดเร็วหลังเรียนจบ”

ทั้งนี้และทั้งนั้น สามารถยืนยันได้ถึงคุณค่าของหนังสือในชีวิตสังคม โดยในช่วงที่ยังไม่มีสื่ออื่น ๆ หนังสือคือทางเลือกเดียวและสำคัญที่สุดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและวัฒนธรรม ซึ่งการอ่านหนังสือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินใจ เสริมความรู้และพัฒนาความคิด ดังนั้น หนังสือจึงเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้ในชีวิตทางจิตใจของเยาวชน.