(VOVworld ) -ครอบครัวเพื่อนมิตรและประเทศคือชื่อหนังสือบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของท่านเหงียนถิ่บิ่งอดีตรองประธานประเทศ รัฐมนตรีหญิงท่านแรกของเวียดนามและหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลเฉพาะกาลสาธารณรัฐภาคใต้ของเวียดนามในการเจรจา ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส  หนังสือกล่าวถึงช่วงชีวิตของท่านที่ผูกพันธ์กับระยะหนึ่งทางประวัติศาสตร์อันแสนลำบากของประเทศตั้งแต่เป็นเด็กมาจนถึงการเข้าร่วมการเคลื่อนไหวปฏิวัติ จุดหมายอันสำคัญในการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศจนถึงระยะเวลาที่เกษียรอายุราชการ  

ท่านเหงวียนถิ่บิ่งกับบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์

ท่านเหงวียนถิ่บิ่งเผยถึงการเลือกชื่อบันทึกส่วนตัวของตนว่า ครอบครัวเพื่อนมิตรและประเทศเป็นรากฐานสร้างพลังเข้มแข็งอันพิเศษให้ท่านในตลอดช่วงชีวิตที่ผนึกแน่นกับระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศ  บันทึกแต่ละหน้าได้เขียนด้วยภาษาที่เรียบง่ายจริงจังสะท้อนความในใจของท่านและใกล้ชิดด้วย  ท่านเหงวียนถิ่บิ่งเผยต่อไปว่าท่านสงวนเวลาส่วนใหญ่ในวัยเกษียรเพื่อเขียนบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์  ในช่วงเวลาเคลื่อนไหวท่านไม่มีเวลาจดกิจกรรมต่างๆของตนเองไว้ แม้กระทั่งเมื่อเข้าร่วมการเจรจาปารีส ณ ฝรั่งเศส ดังนั้นเมื่อเกษียรแล้วท่านได้ใช้เวลาทบทวนระยะเวลาที่ได้ผ่านพ้นไป ประการที่สองคือตลอดระยะเวลา ๘๕ ปีในชีวิตท่านได้เห็นและเข้าร่วมเหตุการณ์สำคัญๆของประเทศหลายเหตุการณ์ซึ่งหากเขียนทั้งหมดบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อาจจะเป็นอย่างน้อย ๕ เล่ม  ในที่สุดท่านได้เลือกเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์และความทรงจำที่ดีในชีวิตของท่านกับครอบครัวเพื่อนมิตรและการเคลื่อนไหวการปฏิวัติ  บันทึกฉบับนี้ออกสู่สายตาของผู้อ่านปี ๒๐๐๙ ภายหลังลงมือเขียนมาหลายปี “ หนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงระยะเวลาที่ดิฉันได้อยู่กับครอบครัวเพื่อนมิตรและทำการเคลื่อนไหวที่น่าจดจำ เมื่อเขียนถึงเรื่องราวในอดีตภาพแห่งความทรงจำและญาติพี่น้องได้ปรากฎออกมา  ดิฉันโชคดีที่มีชีวิตผูกพันธ์กับเหตุการณ์ต่างๆทางประวัติศาสตร์ของประเทศในศตวรรษที่ ๒๐ นั่นคือ สงครามต่อต้านล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสและสงครามต่อต้านจักรพรรดินิยมอเมริกาและได้อยู่ในช่วงประเทศได้รับเอกราชมา ๓๐ ปี  อาจกล่าวได้ว่าดิฉันได้อยู่ใน ๓ ระยะสำคัญของประเทศ ”

ท่านเหงวียนถิ้บิ่งอดีตรองประธานประเทศ

ในนามเพื่อนร่วมรุ่นที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว ท่านเหงวียนถิ่บิ่งได้กล่าวถึงจิตใจอันฮึกเหิมของเยาวชนในช่วงทำการต่อสู้ปฏิวัติ  ซึ่งจิตใจแห่งความกล้าคิดกล้าทำของชนทุกรุ่นที่ท่านได้ได้เรียกว่า “ บุรุษแห่งมหัศจรรย์ ” ได้บันดาลให้แก่ชนรุ่นหลังๆในภารกิจสร้างสรรค์ประเทศ  จากบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวท่านเหงวียนถิ่บิ่งอยากฝากชนรุ่นหลังว่า จิตใจสามัคคีชนในชาติเป็นพลังนำไปสู่ชัยชนะทุกครั้งในทุกยุคทุกสมัย “ ดิฉันคิดว่าบทเรียนอันล้ำค่าของประชาชนเวียดนามคือสามัคคี สามัคคีชนในชาติเพื่อเป้าหมายเดียวกัน  นั่นคือเข็มทิศที่มุ่งสู่ชัยชนะในอดีตและความสำเร็จในปัจจุบันและอนาคต  พวกเรามีพื้นฐานในการสร้างความสามัคคีชนในชาติคือมีรากฐานเดียวกัน ภัยคุกคามร่วมกันและอนาคอันสดใสร่วมกัน  พวกเราต้องการบุคคลสมัยใหม่ที่มีบุคลิกอดมการณ์และความมั่นใจเพื่อสร้างสรรค์ประเทศเวียดนามที่เข้มแข็งเพื่อพิทักษ์มาตุภูมิ  ในอีกด้านหนึ่งเราได้รับความสนับสนุนจากประชาชนชาวโลกที่มีมโนธรรม นั่นคือสิ่งสำคัญที่ดิฉันได้ฝากไว้ในบันทึกเล่มนี้”

ภาษาที่เรียบง่ายสละสลวยและลึกซึ้งสะท้อนจิตใจรักชาติของท่านอดีตรองประธานประเทศ  นางเหงวียนเฟืองลวานผู้ทำหน้าที่เรียบเรียงหนังสือของสำนักพิมพ์ตรี๊ทึกหรือความรู้เผยว่า “ คำพูดของท่านเหงวียนถิ่บิ่งในหนังสือเล่มนี้ที่มีความหมายสำหรับดิฉันนั่นคือ คุณถามฉันว่าควรทำอะไรให้แก่การต่อสู้ในสงครามต่อต้าน ดิฉันตอบว่า พวกคุณเห็นสิ่งใดที่มีประโยชน์ต่อการต่อสู้ก็ควรทำและสิ่งที่เลวร้ายก็ไม่ควรทำ นั่นคือคำพูดที่เรียบง่ายแต่กลับมีคุณค่ายิ่งและได้รับความขอบคุณเป็นอย่างมากจากพวกเขา  คำพูดนี้ได้สร้างความประทับใจให้กับดิฉันเพราะทำให้ตนกระจ่างแจ้งในหลายเรื่องและมีสติอารมย์ในการทำงาน ” นักเขียนเงวียนหงอกที่ได้ทำงานกับท่านเหงวียถิ่บิ่งตลอดระยะเวลาเขียนบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เผยว่า จากบันทึกเล่มนี้แสดงให้เห็นการผสมระหว่างความเรียบง่ายและความเป็นเลิศความสง่างาม ความอ่อนโยนกับความอดทน ความผสมนั้นร่วมกับไฟแรงของวัยสาวที่กล้ารับการเปลี่ยนแปลง“ผู้อ่านมักจะรอคอยเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเจรจาที่ปารีสซึ่งถือเป็นการเจรจาอย่างดุเดือดและใช้เวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์การทูตของโลกซึ่งท่านเหงวียนถิ่บิ่งเป็นบุคคลสำคัญในการเจรจาครั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่สมความรอคอยดังกล่าว แต่ผมเห็นว่าบันทึกแห่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้มีความอัศจรรย์ใจอย่างลึกซึ้งอยู่ตรงที่ตัวบุคคลเส้นทางและรากฐานแห่งความสร้างพลังอันพิเศษในสตรีตัวเล็กๆที่มีความถ่อมตัวและอดทนท่านนี้เพื่อที่จะสามารถมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศ ”

ปีนี้แม้ท่านเหงวียนถิ่บิ่งมีอายุสูงมากแล้วแต่ก็ยังมีความกระตือรือร้นของผู้ที่เคยสงวนชีวิตของตนแก่การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประเทศ  จากหนังสือบันทึกแห่งประวัติศาสตร์ของท่านทำให้ชนรุ่นหลังได้สืบทอดจิตใจแห่งการปฏิวัติที่ยังใหม่อยู่ตลอดกาลนาน ./.