มียุคหนึ่งที่เพลงพื้นเมืองเว้เชื่อมผืนดินของสองฝ่ายตรงข้ามกันในภาคกลางเวียดนาม
Lan Anh – VOV5 -  
( VOVworld )-เพลงพื้นเมืองเว้ที่โรแมนติกและกินใจเคยถือเป็นหนึ่งในดนตรีพื้นเมือง ๓ ประเภทของสถานีวิทยุเวียดนามที่เป็นอาหารทางใจที่สามารถปลุกเร้าจิตใจรักชาติของประชาชนในช่วงที่ประเทศทำสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกาผู้รุกรานเพื่อกอบกู้เอกราชมาให้แก่ประเทศ ซึ่งมีนักร้องและนักดนตรีหลายท่านที่ได้รับความนิยมจากผู้ฟังจำนวนมากอาทิเช่น ศิลปินเจิ่น หงอก บิ๊ก โหม่ง อึ๊ง โตน หญือ ถิ่ นินห์ ศิลปินเจิว ลวานและห่ง เล
( VOVworld )-เพลงพื้นเมืองเว้ที่โรแมนติกและกินใจเคยถือเป็นหนึ่งในดนตรีพื้นเมือง ๓ ประเภทของสถานีวิทยุเวียดนามที่เป็นอาหารทางใจที่สามารถปลุกเร้าจิตใจรักชาติของประชาชนในช่วงที่ประเทศทำสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกาผู้รุกรานเพื่อกอบกู้เอกราชมาให้แก่ประเทศ ซึ่งมีนักร้องและนักดนตรีหลายท่านที่ได้รับความนิยมจากผู้ฟังจำนวนมากอาทิเช่น ศิลปินเจิ่น หงอก บิ๊ก โหม่ง อึ๊ง โตน หญือ ถิ่ นินห์ ศิลปินเจิว ลวานและห่ง เล แม้ปัจจุบันนี้ ศิลปินเหล่านี้ บ้างก็จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันกลับ บ้างก็ยังมีชีวิตอยู่แต่อายุก็สูงมากแล้ว แต่ดนตรีพื้นเมืองแขนงนี้ยังคงได้รับการอนุรักษ์มาตราบเท่าทุกวันนี้
ศิลปินเจิว ลวาน
โดยตระหนักถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของดนตรีโดยเฉพาะดนตรีพื้นเมืองในการประชาสัมพันธ์และปลุกระดมมวลชนเข้าร่วมต่อต้านศัตรูผู้รุกราน ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงเวียดนามได้จัดตั้งคณะนักร้องเพลงพื้นเมืองเว้นับตั้งแต่ช่วงปีแรกที่ประชาชนเวียดนามทุกคนทำการต่อต้านสหรัฐอเมริกาผู้รุกราน
นักประพันธ์ดนตรีฟาน ฟุก อดีตหัวหน้าคณะดนตรีของสถานีวิทยุเวียดนามเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ของการเลือกเพลงพื้นเมืองเว้เป็นหนึ่งในดนตรีพื้นเมือง ๓ ประเภทของคณะดนตรีสถานีวิทยุเวียดนามในช่วงที่ประเทศทำสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกาเพื่อกู้ชาติว่า เมื่อประเทศเวียดนามถูกแบ่งเป็นสองภาค ดังนั้นการช่วงชิงพื้นที่ดินและช่วงชิงเพื่อชนะใจคนในภาคกลางของประเทศมีความดุเดือดมาก โดยเฉพาะจังหวัดกว่าง จี่เพราะชาวกว่าง จี่ ชอบฟังเพลงพื้นเมืองเว้และเพลงก่าย เลืองหรือคล้ายลำตัดของไทย ดังนั้นเพลงพื้นเมืองสองประเภทนี้จึงมีความสำคัญยิ่งต่อการรณรงค์ทหารของฝ่ายตรงข้ามที่เป็นชาวกว่าง จี่ เป็นส่วนใหญ่วางอาวุธ จากการบอกเล่าของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นปรากฎว่า เพลงพื้นเมืองเว้ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุเวียดนามได้เรียกหาผู้ฟังของฝ่ายตรงข้ามวางอาวุธไม่เข้าร่วมการสู้รบอีก นักดนตรี ฟาน ฟุก เปิดเผยว่า “ ช่วงนั้นมีสถานีวิทยุเวียดนามออกอากาศรายการเพลงพื้นเมืองเว้เท่านั้น ซึ่งภาคกลางและเว้สามารถรับฟังได้ ประชาชนของเราฟังสถานีวิทยุของเราเพื่อรับทราบสถานการณ์อย่างทันการณ์ ทหารของเราฟังสถานีวิทยุและเพลงพื้นเมืองเว้ก่อนออกสมรภูมิ ดังนั้น พวกเราต้องมีอาหารทางใจเพื่อบริการพี่น้องประชาชนและนักรบ ซึ่งมีเพลงพื้นเมืองเว้รวมอยู่ด้วย ”
ศิลปินที่มีชื่อเสียงรุ่นแรกๆที่ร้องเพลงพื้นเมืองเว้ทางสถานีวิทยุเวียดนามมีหลายท่านแต่ที่โดดเด่นคือ ศิลปินเจิว ลวาน และห่ง เล แต่ศิลปินเจิว ลวานได้รับความนิยมจากผู้ฟังมากว่า เธอเป็นคนหวิง ลินห์ จังหวัดกว่าง จี่ เธอไม่เพียงแต่ร้องเพลงไพเราะเท่านั้น หากยังรู้จักใช้ทำนองดนตรีพื้นเมืองเว้ในบทกลอนอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเธอได้ร้องบทกวีของกวีโต๊ หิว โดยประยุกต์ทำนองเพลงพื้นเมืองเว้ เช่น บทกวี “ ชีวิต ๓๐ ปีที่มีพรรค ” “ เพลงแห่งวสันต์ค.ศ. ๑๙๖๑ ” และเพลง คุณแม่ซวต
การแสดงร้องเพลงพื้นเว้บนเรือแม่น้ำเฮือง
ศิลปินยอดเยี่ยม ด่าว กุ๊ย ซุย เปิดเผยว่า เสียงเพลงของศิลปินเจิว ลวานได้เข้าถึงจิตใจของประชาชนที่อยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำ เหี่ยน เลืองและท่าน้ำตุ่ง หลวต “ ช่วงนั้น ชาวบ้านทางฝั่งเหนือจากสะพานเหี่ยน เลืองไปจนถึงท่าน้ำ ตุ่ง หลวตต่างพากันไปชมการแสดงของคณะดนตรีสถานีวิทยุเวียดนาม ที่ตุ่ง หลวต มีป้อมตำรวจแห่งหนึ่งที่ตำรวจของสองฝ่ายผลัดเปลี่ยนเวรยามทุกๆสัปดาห์ มีวันหนึ่งที่ตำรวจของสาธารณรัฐภาคใต้หรือของฝ่ายตรงข้ามทำหน้าที่ยาม ณ ป้อมตุ่ง หลวต และก็ประจวบเหมะกับวันที่มีคณะดนตรีสถานีวิทยุเวียดนามแสดงการร้องเพลงพื้นเมืองเว้ เนื่องจากไม่อยากให้ลูกน้องของตนชมการแสดง หัวหน้าสถานีฯได้สั่งให้ปิดประตูห้ามออกนอกพื้นที่ แต่ตำรวจหลายคนก็พยายามหาทางออกเพื่อชมการแสดงของศิลปินเจิว ลวานและนักร้องคนอื่นๆของสถานีวิทยุเวียดนามให้ได้ ”
ศิลปินห่ง เซวียน ก็เป็นนักร้องอีกท่านที่ได้รับความนิยมจากผู้ฟัง ท่านมาทำงานในคณะดนตรีสถานีวิทยุเวียดนามเมื่อปีค.ศ. ๑๙๖๕ เนื่องจากมีสำเนียงการออกเสียงของจังหวัดกว่าง บิ่นห์ ท่านได้ไปร้องเพลงตามจังหวัดต่างๆภาคกลางของประเทศ จากความรักที่มีต่อเพลงพื้นเมืองเว้ ท่านได้แต่งงานกับศิลปินด่าว ซุย กุ๊ย ศิลปิน ห่ง เซวียน เล่าถึงช่วงเวลาที่ดุเดือดนั้นว่า “ เมื่อมาทำงานที่สถานีวิทยุเวียดนาม ดิฉันต้องไปแสดงในภาคกลาง ซึ่งช่วงนั้น การสู้รบที่นั่นดุเดือดมาก พวกเราตต้องร้องเพลงให้ทหารปืนใหญ่ในสมรภูมิฟัง ช่วงทำสงครามนั้น ทุกคนต้องทำงานหนักทั้งวันทั้งคืนเพื่อบันทึกเสียงให้ทันกับการออกอากาศ บรรยากาศคึกคักมาก เพลงพื้นเมืองเว้เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ได้รับความนิยมในภาคกลางเวียดนามสมัยนั้น ”
เพลงพื้นเมืองเว้ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุเวียดนามได้มีส่วนช่วยเชื่อมระหว่างชาวบ้านและทหารที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกันให้มีความเห็นอกเห็นใจกัน เพลงพื้นเมืองเว้ได้เข้าสู่จิตใจของแต่ละคนเพื่อมุ่งสู่การเชื่อมระหว่างภาคใต้กับภาคเหนือให้เป็นหนึ่งเดียวในเวลาต่อมา ./.
Lan Anh – VOV5