กรีซจะหลุดพ้นจากวิกฤตอย่างแท้จริงหรือไม่

(VOVworld)เมื่อวัน ที่ 16 กรกฎาคม รัฐสภากรีซได้อนุมัติร่างกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดตามข้อเสนอของ เจ้าหนี้ด้วยเสียงสนับสนุน 229 เสียง เสียงคัดค้าน 64 เสียงและงดออกเสียง 6 เสียงเพื่อแลกกับวงเงินช่วยเหลืองวดใหม่ มูลค่า 9 หมื่น 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน ประเทศสมาชิกอื่นๆในเขตยูโรโซนได้เริ่มพิจารณาการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือ ครั้งที่ 3 ให้แก่กรีซ เป็นอันว่า กรีซได้พ้นขีดอันตรายและความเสี่ยงที่ต้องออกจากเขตยูโรโซน แต่กรีซจะฟื้นตัวในเวลาข้างหน้าได้หรือไม่นั้นก็ยังคงเป็นปัญหาระยะยาวที่ ต้องรอดูกันต่อไป

(VOVworld)เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม รัฐสภากรีซได้อนุมัติร่างกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดตามข้อเสนอของเจ้าหนี้ด้วยเสียงสนับสนุน 229 เสียง เสียงคัดค้าน 64 เสียงและงดออกเสียง 6 เสียงเพื่อแลกกับวงเงินช่วยเหลืองวดใหม่ มูลค่า 9 หมื่น 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะเดียวกัน ประเทศสมาชิกอื่นๆในเขตยูโรโซนได้เริ่มพิจารณาการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือครั้งที่ 3 ให้แก่กรีซ เป็นอันว่า กรีซได้พ้นขีดอันตรายและความเสี่ยงที่ต้องออกจากเขตยูโรโซน แต่กรีซจะฟื้นตัวในเวลาข้างหน้าได้หรือไม่นั้นก็ยังคงเป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องรอดูกันต่อไป

กรีซจะหลุดพ้นจากวิกฤตอย่างแท้จริงหรือไม่ - ảnh 1
(Reuters)

ร่างกฎหมายได้รับการอนุมัติภายหลังการอภิปรายที่ตึงเครียดในรัฐสภา พรรคซิริซ่าซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวจากการสนับสนุนของพรรคฝ่ายค้านที่มีทัศนะสนับสนุนยุโรป แต่มีส.ส 38 นายของพรรคซิริซ่าที่งดออกเสียงหรือออกเสียงคัดค้าน รวมทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญๆในคณะรัฐมนตรีซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพในพรรครัฐบาลต่อการปฏิบัติมาตรการรัดเข็มขัดที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกรีซคัดค้านในการทำประชาพิจารณ์ก่อนหน้านั้น แต่ขณะนี้ ส.ส กรีซยังไม่มีหนทางใดเพื่อคัดค้านข้อตกลงดังกล่าว
อุปสรรค์ของแผนการกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจ
ตามข้อตกลงที่ได้บรรลุกับเขตยูโรโซนเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม รัฐสภากรีซต้องอนุมัติการเปลี่ยนแปลงที่กว้างลึกเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เงินเดือนและภาษีเพื่อได้รับวงเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 8 หมื่น 2 พันถึง 8 หมื่น 6 พันล้านเหรียญยูโร่ในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่แผนการนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาของ 8 ประเทศในเขตยูโรโซนก่อนและกระบวนการนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาหลายเดือน จนถึงปัจจุบัน มีแค่รัฐสภาฝรั่งเศสเท่านั้นที่อนุมัติและกระบวนการนี้ต้องประสบความยากลำบากเป็นอย่างมากเพราะวงการการเมืองของหลายประเทศยังไม่มีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในการช่วยเหลือกรีซ
นอกจากนั้น ความยากลำบากก็ยังมาจากกรีซเองเพราะความไม่เป็นเอกภาพของรัฐสภากรีซที่นับวันมีความคิดเห็นคัดค้านข้อตกลงกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจมากขึ้นเพราะนี่คือข้อตกลงที่เลวร้ายที่สุดเพื่อธำรงระเบียบการ “อาณานิคมหนี้” ของกรีซซึ่งเป็นสัญญาเตือนว่า กำลังจะเกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมือง นอกจากการปฏิรูปที่ถูกเรียกร้องให้ปฏิบัติแล้ว กรีซยังต้องแสวงหาเส้นทางเพื่อขยายตัวและนี่ก็คือความท้าทายอย่างแท้จริง ส่วนการต้องทำเช่นไรเพื่อหลุดพ้นจากภาวะซบเซาที่เลวร้ายนี้ก็คือคำถามที่บรรดาผู้นำกรีซยังไม่มีคำตอบเพราะการปรับลดค่าใช้จ่ายยังไม่เพียงพอเพื่อลดปัญหาหนี้สินที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและยังจะทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา

กรีซจะหลุดพ้นจากวิกฤตอย่างแท้จริงหรือไม่ - ảnh 2
ผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศสและกรีซ (AP)

นี่คือมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ถึงแม้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการตกเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ได้ในนาทีสุดท้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะยุติปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้อีก คำถามสำคัญคือ วงเงินช่วยเหลือจะช่วยพยุงฐานทางเศรษฐกิจของกรีซได้นานเท่าไหร่เพราะวงเงินช่วยเหลืองวดแรกเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2012 และวงเงินช่วยเหลืองวดที่ 2 ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 ถือว่าเป็นการแก้ไขอุปสรรคต่างๆเท่านั้นและสำหรับวงเงินช่วยเหลืองวดนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ว่า ยากที่จะรักษาความสามารถชำระหนี้ของกรีซในอนาคตเนื่องจากการช่วยเหลือเหล่านี้เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กรีซตกเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น
รายงานวิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุดของกรีซที่ถูกเสนอเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมปรากฎว่า ไอเอ็มเอฟได้มีความเห็นว่า ภาวะหนี้สินของกรีซในอีก 10 ปีข้างหน้าจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนในปีหน้า กรีซจะมีหนี้สินคิดเป็น 200% ของจีดีพี เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เนื่องจากเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงชะลอตัวและจนถึงปี 2020 หนี้สินของกรีซจะคิดเป็น 170% ของจีดีพีแทน 142 % ตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อครั้งก่อน ดังนั้น กรีซต้องการวงเงินช่วยเหลือมากกว่า 8 หมื่น 6 พันล้านเหรียญยูโร่ที่เพิ่งบรรลุเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
ยังไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้
นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเมื่อปี 2010 ทางการกรีซชุดต่างๆได้ปฏิบัติตามแผนการของกลุ่มเจ้าหนี้3ฝ่าย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เศรษฐกิจกรีซยังคงตกเข้าสู่ภาวะเลวร้ายมากขึ้น ปัจจุบัน อัตราคนว่างงานของกรีซอยู่ที่ร้อยละ 26.5 ซึ่งสูงที่สุดในยุโรปโดยมีคนรุ่นใหม่ที่ว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 60 นี่คือผลกระทบของการปรับลดเงินเดือนในภาครัฐและเพิ่มภาษีในตลอดระยะที่เศรษฐกิจซบเซา มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อแลกกับวงเงินช่วยเหลือครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจกรีซประสบความลำบากมากขึ้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้แสดงความเห็นว่า จากการบังคับให้กรีซต้องอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดมากขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจกรีซได้รับผลกระทบที่เลวร้ายมากขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่ปัญหาความไร้เสถียรภาพในสังคมเพราะประชาชนกำลังหมดความอดทนต่อนโยบายของรัฐบาลโดยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ชาวกรีซนับพันคนได้เดินขบวนประท้วงนโยบายรัดเข็มขัดและการประท้วงนี้ได้กลายเป็นเหตุความรุนแรงโดยผู้ชุมนุมได้โยนระเบิดเพลิงใส่กองกำลังตำรวจบริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์รุนแรงที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 2 ปีในยุโรปใต้และมีการคาดการณ์กันว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สถานการณ์ในกรีซอาจจะมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างแน่นอน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด