กระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับบังกลาเทศ

(VOVWORLD) - ตามคำเชิญของนาย อับดุล ฮามิด ประธานาธิบดีประเทศบังกลาเทศ ท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศพร้อมภริยาและคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศบังกลาเทศอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 4 - 6 มีนาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันถึงการให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับบังกลาเทศ โดยเฉพาะทั้ง 2 ฝ่ายได้ตั้งความหวังว่า การเยือนประเทศบังกลาเทศของท่าน เจิ่นด่ายกวางจะช่วยเปิดโอกาสความร่วมมือใหม่ระหว่าง 2 ประเทศในเวลาข้างหน้า


กระชับความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับบังกลาเทศ - ảnh 1ท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศพร้อมภริยาและคณะผู้แทนระดับสูงเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศบังกลาเทศอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 4 - 6 มีนาคม 

เวียดนามและบังกลาเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ปี 1973 ในตลอด 45ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในด้านต่างๆระหว่าง 2 ประเทศได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ในกรอบการเยือนประเทศบังกลาเทศ ประธานประเทศ เจิ่นด่ายกวางได้เจรจากับนายกรัฐมนตรี พบปะกับประธานาธิบดี รวมทั้งประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคกรรมกรบังกลาเทศและหัวหน้าหอการค้าและอุตสาหกรรมบังกลาเทศ-เวียดนาม

พื้นฐานของความความสัมพันธ์ที่ดีงาม

ประชาชนบังกลาเทศและเวียดนามมีความคล้ายคลึงกันในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราช ประธานาธิบดี ชีค มูจิบู เราะห์มาน ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกและเป็นผู้ก่อตั้งประเทศบังกลาเทศและประธานโฮจิมินห์ของเวียดนามได้ชี้นำประชาชนทำการต่อสู้ในระยะยาวเพื่อช่วงชิงเอกราชและปลดปล่อยประเทศชาติ โดยนาง ชีค ฮาสินา นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศได้เผยว่า กระบวนการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชของเวียดนามได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนบังกลาเทศในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชให้แก่ประเทศชาติเมื่อปี 1971               

ในหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศได้แลกเปลี่ยนการเยือนคณะผู้แทนระดับสูง โดยนาย อับดุล ฮามิด ประธานาธิบดีประเทศบังกลาเทศได้เดินทางมาเยือนเวียดนามเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2015 ต่อมาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นาง Shirin Sharmin Chaudhury ประธานรัฐสภาบังกลาเทศก็ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ส่วนในระดับประชาชน ประชาชนบังกลาเทศได้เดินทางมาเที่ยวเวียดนามเป็นจำนวนมากดังนั้นการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชนก็ได้รับการผลักดันเช่นกัน ส่วนความร่วมมือในด้านอื่นๆก็ได้รับการขยาย เช่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม งานเทศกาลอาหารเวียดนาม ณ กรุงธากา กิจกรรมยกย่องประธานโฮจิมินห์ผ่านการแปลและพิมพ์หนังสือเรื่อง ประธานโฮจิมินห์เขียนพินัยกรรมเป็นภาษาบังกลาเทศ การจัดการสัมมนาเกี่ยวกับชีวิตการเคลื่อนไหวของประธานโฮจิมินห์ ซึ่งมีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานให้พัฒนาอย่างดีงามต่อไป

ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า สัมพันธไมตรีระหว่างประชาชน ความเข้าใจทางการเมืองและการสนับสนุนของรัฐบาลและผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

ศักยภาพความร่วมมือใหม่

การเยือนประเทศบังกลาเทศของประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางครั้งนี้ได้ช่วยสร้างโอกาสความร่วมมือใหม่ ซึ่งคาดว่า จะมีการลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านสัตว์น้ำ ปศุสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิต เครื่องจักร วัฒนธรรมและการฝึกอบรม เป็นต้น โดยเฉพาะประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางจะเข้าร่วมฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนาม-บังกลาเทศในวันที่ 6 มีนาคมและเข้าร่วมพิธีเปิดงานวันวัฒนธรรมเวียดนาม ณ กรุงธากา นี่เป็นครั้งแรกที่มีการจัดฟอรั่มสถานประกอบการครั้งใหญ่ โดยมีตัวแทนสถานประกอบการจากทั้ง 2ประเทศ 300 คนเข้าร่วม ซึ่งถือเป็นโอกาสเพื่อปฏิบัติเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2018 ให้อยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

นอกจากนี้ ในคณะที่เดินทางพร้อมกับประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางครั้งนี้ มีตัวแทนบริษัทชั้นนำของเวียดนาม 100 คน โดยได้พบปกับหุ้นส่วนต่างๆของบังกลาเทศเพื่อแสวงหาโอกาสความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน อุตสาหกรรมการผลิต เทคโนโลยีสารสนเทศ การและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โอกาสความร่วมมือทวิภาคีนับวันได้รับการแปรให้เป็นรูปธรรมเมื่อบังกลาเทศกำลังมีความประสงค์ผลักดันการเชื่อมโยงกับประเทศสมาชิกอาเซียน ดังนั้น เจ้าหน้าที่การทูตบังกลาเทศถือการเยือนครั้งนี้ของประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

การเยือนประเทศบังกลาเทศครั้งนี้ของท่านเจิ่นด่ายกวางเป็นการเยือนครั้งแรกของประธานประเทศเวียดนามในรอบ 14 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งมีความหมายสำคัญเป็นพิเศษในโอกาสที่ทั้ง 2 ประเทศรำลึกครบรอบ 45 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต อันเป็นการยืนยันอีกครั้งและมีส่วยช่วยกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและทำให้ 2 ประเทศกระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด