การก่อการร้ายได้สร้างกำแพงกีดขวางระหว่างสหรัฐกับโลกอิสลาม

(VOVworld)- ท่ามกลางกระแสการประท้วงในโลกมุสลิมต่อภาพยนตร์ที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เนตของชาวสหรัฐเชื่อสายอิสราเอลที่มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดาโมฮัมเหม็ดโดยเฉพาะได้เกิดกระแสโกรธแค้นถึงขั้นบุกโจมตีสถานทูตสหรัฐในอียิปต์ทำลายธงชาติสหรัฐ เหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐ ณ เมืองเบงกาซีที่ทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก3คนเสียชีวิตได้ทำให้ความขัดแย้งที่เคยมีอยู่ระหว่างสหรัฐและฝ่ายตะวันตกกับโลกอิสลามตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาเลวร้ายยิ่งขึ้น
(VOVworld)- ท่ามกลางกระแสการประท้วงในโลกมุสลิมต่อภาพยนตร์ที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เนตของชาวสหรัฐเชื่อสายอิสราเอลที่มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดาโมฮัมเหม็ดที่เคารพศรัทธาของชาวมุสลิม โดยเฉพาะได้เกิดกระแสโกรธแค้นถึงขั้นบุกโจมตีสถานทูตสหรัฐในอียิปต์ทำลายธงชาติสหรัฐ เหตุโจมตีสถานกงสุลสหรัฐ ณ เมืองเบงกาซีที่ทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบีย กรีส สตีเวนส์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก3คนเสียชีวิตซึ่งมีขึ้นในช่วงรำลึก11ปีเหตุวินาศกรรม11กันยายนนั้นได้ทำให้ความขัดแย้งที่เคยมีอยู่ระหว่างสหรัฐและฝ่ายตะวันตกกับโลกอิสลามตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาเลวร้ายยิ่งขึ้น
การก่อการร้ายได้สร้างกำแพงกีดขวางระหว่างสหรัฐกับโลกอิสลาม - ảnh 1
ผู้ประท้วงประมาณ2พันคนได้ชุมนุมกันหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงไคโร (internet)

ภาพยนต์ความยาว13นาทีที่มีชื่อว่า อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม ที่คาดว่าจะได้รับการเผยแพร่ในโอกาสรำลึก11ปีเหตุวินาศกรรม11กันายนของสหรัฐได้สร้างกระแสโกรธแค้นอย่างรุนแรงในโลกมุสลิม โดยที่อิยิปต์ ผู้ประท้วงประมาณ2พันคนได้ชุมนุมกันหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงไคโร ปีนข้ามกำแพงเข้าไปข้างในและลดธงชาติสหรัฐลงมาเพื่อทำลายแล้วชักธงแห่งมุสลิมสีดำขึ้นไปแทน ส่วนนาย อาเม็ด คาลิล ผู้นำระดับสูงของพรรค ซาลาฟิตส์ นัวร์ ซึ่งมีบทบาทเป็นแกนนำในการเดินขบวนครั้งนี้เผยว่าพรรคของตนได้ส่งเอกสารถึงสถานทูตสหรัฐเพื่อเรียกร้องให้ทางการสหรัฐไม่เผยแพร่ภาพยนต์ดังกล่าวและต้องมีคำขอโทษอย่างเป็นทางการ  โดยถึงแม้ว่ารัฐบาลอิยิปต์เรียกร้องให้ประชาชนใช้ความอดกลั้นแต่องค์การภารดรภาพมุสลิมกลับยืนยันความตั้งใจที่จะเรียกร้องให้จัดการเดินขบวนในทั่วประเทศ ในขณะเดียวกันที่ประเทศลิเบีย กระแสความโกรธแค้นได้มีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อผู้ชุมนุมนับพันคนได้ปิดล้อมสถานกงสุลสหรัฐประจำเมืองเบงกาซีและมีกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีสถานกงสุลด้วยเครื่องยิงระเบิดจนทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐพร้อมเจ้าหน้าที่อีก3คนเสียชีวิตเนื่องจากสำลักควันพิษ ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวทางสถานทูตสหรัฐได้แสดงท่าทีเพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์โดยประนามบุคคลบางคนที่จงใจสร้างความเสียหายทางศาสนาต่อชาวมุสลิม ส่วนประธานาธิบดีสหรัฐบารัคโอบามาก็ได้ประนามการโจมตีดังกล่าวพร้อมกับคัดค้านทุกการกระทำที่ดูหมิ่นศาสนา  ในขณะที่สหภาพยุโรปและนาโตได้เรียกร้องให้ลิเบียทำการสอบสวนเรื่องนี้โดยเร็วรวมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักการทูตประเทศต่างๆ ส่วนทางฝ่ายลิเบียนั้น ประธานรัฐสภาโมฮัมเหม็ด อัล เมคารีเยฟ ก็ได้ส่งคำขอโทษถึงชาวสหรัฐและทั่วโลก

นี่มิใช่เป็นครั้งแรกที่เหตุการณ์ดูหมิ่นศาสดาโมฮัมเหม็ดเป็นชนวนให้ชาวมุสลิมทำการตอบโต้เพื่อแก้ลำ โดยเมื่อปี2010 ชาวโลกก็ได้เห็นถึงความโกรธแค้นของโลกมุสลิมต่อเหตุการณ์เผาทำลายคำภีร์อัลกุรอาน ซึ่งนั่นคือการเดินขบวนที่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นการโจมตีอย่างนองเลือดใส่กองกำลังของสหประชาชาติและนาโต้ในอัฟกานิสถานที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติเสียชีวิตจำนวนมากและกระแสการคัดค้านสหรัฐกับตะวันตกของชาวมุสลิมได้บานปลายไปในทั่วโลก 

การก่อการร้ายได้สร้างกำแพงกีดขวางระหว่างสหรัฐกับโลกอิสลาม - ảnh 2
ผู้ชุมนุมนับพันคนได้ปิดล้อมสถานกงสุลสหรัฐประจำเมืองเบงกาซีและมีกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีสถานกงสุล
(internet)

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา การปะทะโดยเฉพาะการก่อการร้ายก็ได้สร้างกำแพงกีดกั้นระหว่างสหรัฐกับโลกอิสลาม ซึ่งสงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่เริ่มขึ้นหลังเหตุการณ์11กันยายนปี2001ยิ่งทำให้แนวโน้มการต่อต้านสหรัฐในโลกอิสลามนี้นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น มีหลายประเทศเช่น อิหร่าน อิรัก ลิเบียและเยเมนถูกสหรัฐระบุว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของผู้ก่อการร้าย  สงครามต่อต้านการก่อการร้ายที่สหรัฐเริ่มขึ้นได้ขยายตัวไปยังทั่วโลกและการโจมตีก่อการร้ายก็ได้เกิดขึ้นในทุกมุมโลกเช่นกัน  11ปีหลังการก่อวินาศกรรมวันที่11กันยายน ถึงแม้ผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอุซมะบินลาเดนถูกสังหารและเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ได้อ่อนแอลง ส่วนวิถีแห่งประชาธิปไตยเริ่มได้รับการเผยแพร่ในโลกมุสลิมเนื่องจากกระบวนการวสันต์แห่งอาหรับ แต่สหรัฐก็ได้กลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง  การที่สหรัฐได้ส่งทหารเข้าไปในอัฟกานิสถานและอิรักได้ทำให้สหรัฐถูกกล่าวหาว่ามีความพยายามทำลายโลกมุสลิมเนื่องจากมีกำลังทหารที่เข้มแข็งที่สามารถคุกคามและครอบครองโลกอิสลามได้ รวมทั้งให้การสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการในภูมิภาคโดยมีอิสราเอลซึ่งเป็นพันธมิตรที่ไกล้ชิดของสหรัฐในชาติอิสลามเป็นตัวอย่าง  ส่วนความโกรธแค้นที่มีต่อชาวสหรัฐในโลกอิสลามก็ถือเป็นแรงสนับสนุนให้กลุ่มก่อการร้ายต่างๆเพิ่มการเคลื่อนไหวให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

ถึงอย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่เป็นเจ้าของทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคมปี2009 ประธานาธิบดีสหรัฐบารัคโอบามาได้แสดงความหวังดีหลายครั้งในการแสวงหาเส้นทางแห่งสันติภาพที่เชื่อมโยงกับโลกอิสลาม แต่ความพยายามของเขายังไม่ประสบความสำเร็จเพราะในภายในประเทศสหรัฐเองก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้รวมไปถึงผลกระทบจากนโยบายของผู้นำสหรัฐรุ่นก่อนๆ  ดังนั้นแน่นอนว่าทุกปัญหาแม้จะเล็กน้อยแต่ก็อาจจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่เพราะยังคงมีความโกรธแค้นจากอดีตและการขาดความเชื่อมั่นต่อกัน ซึ่งได้ทำลายทุกความพยายามเพื่อปรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและตะวันตกกับโลกอิสลาม ซึ่งเพื่อมุ่งสู่การไกล่เกลี่ยระหว่างสองฝ่าย สหรัฐต้องพยายามก้าวเดินไปบนเส้นทางที่ยาวไกลและเต็มไปด้วยความท้าทายแห่งความไว้วางใจ ความพยายาม ความอดทนและความเห็นอกเห็นใจต่อไป และประธานาธิบดีสหรัฐบารัคโอบามาต้องมีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมมากกว่าสิ่งที่ตนให้คำมั่นไว้ แต่นี่มิใช่เรื่องง่ายเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยต่อไปกำลังไกล้เข้ามาและนายโอบามาจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายฝ่าย./.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด