การปฏิวัติเดือนสิงหาคมและบทเรียนเกี่ยวกับการใช้โอกาสได้ดี

(VOVworld) – ในการปฏิวัติครั้งต่างๆ การใช้โอกาสและเตรียมกองกำลังถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการลุกขึ้นสู้เพื่อยึดอำนาจการปกครองมาให้แก่ประชาชนในการปฏิวัติ เดือนสิงหาคมปี 1945 ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความคิดที่เฉียบแหลมเกี่ยวกับโอกาสในการลุกขึ้น สู้ของประธานโฮจิมินห์และพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอย่างมีชีวิตชีวา

(VOVworld) – ในการปฏิวัติครั้งต่างๆ การใช้โอกาสและเตรียมกองกำลังถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับการลุกขึ้นสู้เพื่อยึดอำนาจการปกครองมาให้แก่ประชาชนในการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความคิดที่เฉียบแหลมเกี่ยวกับโอกาสในการลุกขึ้นสู้ของประธานโฮจิมินห์และพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามอย่างมีชีวิตชีวา

การปฏิวัติเดือนสิงหาคมและบทเรียนเกี่ยวกับการใช้โอกาสได้ดี - ảnh 1
การปฏิวัติเดือนสิงหาคมและบทเรียนเกี่ยวกับการใช้โอกาสได้ดี
(Photo VNplus)

การลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคมปี 1945 ของเวียดนามเป็นตัวอย่างที่น่าภาคภูมิใจเกี่ยวกับการลุกขึ้นสู้เพื่อยึดอำนาจการปกครองของทุกประชาชาติที่อยู่ภายใต้การควบคุมของระบอบจักรวรรดินิยมและนักล่าเมืองขึ้นทั่วโลก การลุกขึ้นสู่ครั้งใหญ่นี้ได้มีขึ้นเหมือน “คลื่นในทะเล” ที่สามารถโค่นล้มแอกปกครองของจักรวรรดินิยมและระบอบศักดินานับพันปีในเวียดนามเพื่อให้กำเนิดสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามภายในเวลา 2 สัปดาห์
ชัยชนะจากการเป็นฝ่ายรุกและความสามัคคี
การลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคมปี 1945 เป็นผลจากการเตรียมพร้อมในระยะยาวนับตั้งแต่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้รับการก่อตั้งและชี้นำการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติโดยตรง และกระบวนการนี้ได้ถูกเร่งการปฏิบัติเร็วขึ้นเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะเมื่อประธานโฮจิมินห์กลับประเทศเพื่อชี้นำการปฏิวัติเวียดนามโดยตรง เมื่อปี 1941 ส่วนกลางได้วิเคราะห์สถานการณ์ภายในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและได้วางเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือทำการปลดปล่อยประชาชาติ รองศ.ดร.ฝามแซง จากมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยให้ข้อสังเกตว่า  “การที่พวกฟาสซิสต์ญี่ปุ่นยอมแพ้กองกำลังพันธมิตรถือเป็นโอกาสทองให้ประเทศต่างๆในแปซิฟิกลุกขึ้นทำการปฏิวัติ แต่มีเพียงพรรคอินโดจีนเท่านั้นที่สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างชัยชนะในการปฏิวัติเดือนสิงหาคม พรรคที่ได้เฝ้าติดตาม เกาะติดสถานการณ์และใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์คือพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม”
สำหรับการปฏิวัติเดือนสิงหาคม โอกาสทองมีขึ้นเพียง 20 วันเท่านั้น คือตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมปี 1945 ที่สมเด็จพระจักรพรรคิแห่งญี่ปุ่นทรงประกาศยอมแพ้ต่อกองกำลังพันธมิตรและกองกำลังพันธมิตรเข้ายึดอาวุธของกองทัพญี่ปุ่นในเวียดนามเมื่อวันที่ 5 กันยายนปี 1945 ซึ่งถ้าหากประกาศลุกขึ้นยึดอำนาจก่อนวันที่13 สิงหาคมและหลังวันที่ 5 กันยายน ก็ยากที่จะชนะได้ และทำให้การปฏิวัติของเวียดนามเสียเปรียบและประสบอุปสรรคต่างๆ ดังนั้นตามคำเรียกร้องของพรรคและประธานโฮจิมินห์ ประชาชนเวียดนามกว่า 20 ล้านคนได้ร่วมกันลุกขึ้นสู้เพื่อยึดอำนาจการปกครอง นักประวัติศาสตร์เยืองจุงก๊วกเผยว่า “จากการลุกขึ้นสู้ในกรุงฮานอย ภายในเวลา 1 สัปดาห์ ทั้งกรุงเก่าเว้ นครไซ่ง่อนและท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศได้ประสบความสำเร็จในการยึดอำนาจการปกครอง ซึ่งสิ่งนี้ได้สะท้อนความมุ่งมั่นที่เป็นหนึ่งเดียว กองกำลังที่เตรียมพร้อมและการชี้นำอย่างเฉียบแหลมทั่วประเทศ ในสภาวการณ์ที่การคมนาคมและการติดต่อลำบากมากแต่ทุกท้องถิ่นก็สามารถลุกขึ้นสู้ด้วยกัน ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งมั่นของประชาชนและการนำอย่างเฉลียวฉลาดของแนวร่วมเวียดมิงห์”
ประยุกต์ใช้บทเรียนนี้ในยุคแห่งสันติภาพ
การปฏิวัติเดือนสิงหาคมและบทเรียนเกี่ยวกับการใช้โอกาสได้ดี - ảnh 2
ประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราช

บทเรียนเกี่ยวกับโอกาสในการปฏิวัติเดือนสิงหาคมยังทรงคุณค่าในภารกิจการสร้างสรรค์และผสมผสานในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวทางพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย เมื่อย้อนอดีตทบทวนบทเรียนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปฏิวัติเดือนสิงหาคม โอกาสทองอาจจะพลาดไปถ้าหากเวียดนามไม่สามารถใช้ให้เป็นด้วยการระดมพลังที่เข้มแข็งภายในประเทศและความเป็นเอกฉันท์ระหว่างผู้นำกับประชาชน บทเรียนของการระดมกองกำลังและใช้โอกาสทอง เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานและพัฒนาในอดีตยังคงทรงคุณค่าต่อภารกิจการสร้างสรรค์และปกป้องประเทศในปัจจุบัน รองศ.ดร.เหงียนวันเหญิด จากสถาบันวิทยาศาสตร์และสังคมกล่าวว่า “เวียดนามกำลังอยู่ในแนวโน้มแห่งการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก จึงต้องเตรียมทุกเงื่อนไขเพื่อช่วยให้เราได้ประโยชน์มากขึ้นในการผสมผสาน นั่นคือการถอดประสบการณ์จากการปฏิวัติเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ต้องใช้โอกาสการสนับสนุนของนานาประเทศเพื่อสร้างสรรค์และปกป้องประเทศ แต่ยังคงต้องรักษาเอกราช การพึ่งพาตนเองและบูรณภาพแห่งดินแดน ต้องพัฒนาพลังที่เข้มแข็งของประชาชาติกับพลังของยุค ใช้พลังจากภายนอกเพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศเวียดนามอย่างรวดเร็วและยั่งยืน”
ผลสำเร็จที่เวียดนามได้ประสบในตลอด 70 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใน 30 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศมาจากพื้นฐานแรกคือมหาชัยชนะของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 และการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ส่วนบทเรียนอันยิ่งใหญ่และมีความหมายที่สุดคือการยืนยันการนำอย่างมั่นคงและมีความคิดสร้างสรรค์ของพรรค ส่งเสริมความรักชาติ ความสามัคคีชนในชาติและรู้จักใช้โอกาสเพื่อช่วงชิงเอกราช นี่ยังถือเป็นประทีบส่องทางในการสร้างสรรค์และปกป้องประเทศที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกำลังปฏิบัติอย่างคล่องตัวเพื่อนำประเทศฟันฝ่าอุปสรรคและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด