การประกาศจัดตั้งสิ่งที่เรียกว่า “เขตซีซา”และ”เขตหนานซา”ของจีนเป็นสิ่งที่ไร้คุณค่า

(VOVWORLD) -เมื่อเร็วๆนี้ จีนได้เพิ่มคำเรียกร้องอธิปไตยที่ไร้มูลความจริงในทะเลตะวันออก โดยอนุมัติจัดตั้งอำเภอ 2 แห่งที่บริหารหมู่เกาะหว่างซาหรือพาราเซลและเจื่องซาหรือสเปรตลีย์ของเวียดนาม ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ขัดกับกฎหมายสากล ละเมิดอธิปไตยและอำนาจอธิปไตยของเวียดนามเหนือหมู่เกาะสองแห่งดังกล่าว เดินสวนกับแนวโน้มแห่งสันติภาพ ความร่วมมือระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศใหญ่ในภูมิภาค

การประกาศจัดตั้งสิ่งที่เรียกว่า “เขตซีซา”และ”เขตหนานซา”ของจีนเป็นสิ่งที่ไร้คุณค่า - ảnh 1 เกาะฟู้เลิม ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนามที่ถูกจีนยึดครองอย่างผิดกฎหมาย (Photo: CSIS/AMTI)

สิ่งที่ต้องพูดถึงคือในขณะที่ทั่วโลกกำลังพยายามรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ส่วนจีน ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคและโลกกลับได้มีปฏิบัติการที่ขาดความรับผิดชอบ โดยใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค

มีการกระทำที่ละเมิดหลายครั้ง

  ในปี 2019  จีนได้ส่งเรือสำรวจไหหยาง 8 และเรือคุ้มกันรุกล้ำเขตทะเลของเวียดนามเป็นเวลากว่า 100 วัน ส่วนในช่วงปลายปี 2019 และต้นปี 2020 จีนได้ส่งเรือรุกล้ำเขตทะเลของอินโดนีเซีย  ในปีนี้ จีนได้ส่งเรือรุกล้ำเขตทะเลของมาเลเซียและฟิลิปปินส์ และในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เรือตรวจการทางทะเลของจีนได้พุ่งชนและจมเรือประมงเวียดนาม เมื่อวันที่ 18 เมษายน จีนได้มีปฏิบัติการที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศต่างๆ โดยกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนได้ออกประกาศว่า รัฐสภาจีนได้อนุมัติมติจัดตั้งสิ่งที่เรียกว่า"เขตซีซา"และ "เขตหนานซา" สังกัด"นครซานซา" มณฑลไหหนาน โดยฝ่ายจีนได้รายงานว่า “เขตซีซา”จะบริหารเกาะต่างๆสังกัดหมู่เกาะซีซาซึ่งก็คือหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนามและแนวปะการัง Macclesfield ในหมู่เกาะจุงซา  และเขตทะเลบริเวณโดยรอบ จีนได้กำหนดตั้งสำนักงานของสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นคือสำนักงานของ"ทางการเขตซีซา"จะตั้งที่เกาะฟู้เลิม ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะหว่างซาของเวียดนาม ส่วน “ทางการเขตหนานซา”บริหารเกาะต่างๆสังกัดหมู่เกาะหนานซา ซึ่งก็คือหมู่เกาะเจื่องซาของเวียดนามและเขตทะเลบริเวณโดยรอบ กำหนดสำนักงานของสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นคือสำนักงานของ"ทางการเขตหนานซา"จะตั้งอยู่ที่โขดหินจื๋อเถิบสังกัดหมู่เกาะเจื่องซาของเวียดนาม

การประกาศจัดตั้งสิ่งที่เรียกว่า “เขตซีซา”และ”เขตหนานซา”ของจีนเป็นสิ่งที่ไร้คุณค่า - ảnh 2จีนก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆอย่างผิดกฎหมายบนโขดหินจื๋อเถิบสังกัดหมู่เกาะเจื่องซาของเวียดนาม (Photo: CSIS/AMTI)

การประกาศที่ไร้คุณค่า

  การประกาศอนุมัติจัดตั้งทางการอำเภอ 2 แห่งดังกล่าวของจีนเป็นสิ่งที่ไร้คุณค่าทางนิตินัยเพราะจีนไม่มีอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซา เวียดนามยืนยันหลายครั้งเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือหมู่เกาะ 2 แห่งดังกล่าว  เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา  ในเอกสารที่ยื่นต่อสหประชาชาติ รัฐบาลเวียดนามได้ยืนยันอีกครั้งว่า  “ เวียดนามมีหลักฐานทั้งทางนิตินัยและประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์เพื่อยืนยันอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหว่างซาและเจื่องซา ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายสากล”

เวียดนามยืนยันว่า อนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายสากลปี 1982 เป็นพื้นฐานทางนิตินัยเพียงอย่างเดียวที่กำหนดอาณาเขตทางทะเลระหว่างเวียดนามกับจีน  ซึ่งตามนั้น เวียดนามมีอธิปไตยเหนือหมู่เกาะ 2 แห่งดังกล่าว และยังได้รับการพิสูจน์ให้เห็นผ่านหลักฐานประวัติศาสตร์

สองคือ การที่จีนใช้กำลังเพื่อยึดครองหมู่เกาะหว่างซาและโครงสร้างทางกายภาพ7แห่งของหมู่เกาะเจื่องซาเป็นการละเมิดกฎหมายสากล โดยเฉพาะ กฎบัตรของสหประชาชาติ  นอกจากนี้ มติที่ 2625 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้กำหนดอย่างชัดเจนว่า  ไม่ยอมรับการใช้กำลังเพื่อละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศอื่น ดังนั้น แม้จีนกำลังยึดครองโครงสร้างทางกายภาพแต่จีนไม่มีอธิปไตยที่ชอบด้วยกฎหมายเหนือโครงสร้างทางกายภาพดังกล่าว

ดังนั้น การที่จีนประกาศตั้งสำนักงานของอำเภอสองแห่งดังกล่าวของจีนได้เดินสวนกับกฎหมายสากล ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานควบคุมทะเลตะวันออกของจีนผ่านปฏิบัติการต่างๆ  จีนกำลังปฏิบัติยุทธศาสตร์ที่ก้าวร้าวบนพื้นฐานของการบุกรุกดินแดนและคำเรียกร้องอธิปไตย โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสากล ซึ่งการกระทำที่ละเมิดกฎหมายสากลนี้ของจีนกำลังถูกประเทศที่เกี่ยวข้องและประชาคมโลกประณามอย่างรุนแรง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด