การประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกกับอุปสรรคที่ขัดขวางความร่วมมือ

(VOVworld)- การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกกำลังมีขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นได้ร่วมแสวงหามาตรการแก้ไขวิกฤตในเขตยูโรโซน ป้องกันการชลอตัวของเศรษฐกิจโลกตลอดจนมาตรการช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศต่างๆอาจจะกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือเพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จของการประชุมครั้งนี้.

(VOVworld)- การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกกำลังมีขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นและจะเสร็จสิ้นลงในปลายสัปดาห์นี้ โดยบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาล ตัวแทนของสมาคมสมาพันธ์นายจ้างและผู้ว่าการธนาคารกลางประเทศต่างๆเกือบ2หมื่นคนได้ร่วมหารือเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขวิกฤตในเขตยูโรโซน ป้องกันการชลอตัวของเศรษฐกิจโลกตลอดจนมาตรการช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งประชามติได้ตั้งความหวังว่าที่ประชุมครั้งนี้สามารถบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกแต่ความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศต่างๆอาจจะกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความร่วมมือเพื่อนำไปสู่ผลสำเร็จของการประชุมครั้งนี้.
การประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกกับอุปสรรคที่ขัดขวางความร่วมมือ  - ảnh 1
ประชามติได้ตั้งความหวังว่าที่ประชุมครั้งนี้สามารถบรรลุผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก(internet)

การประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกรวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวข้องต่างๆถือเป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดผู้บริหารด้านการเงิน เศรษฐกิจและธนาคารในทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อหวนไปในช่วงก่อนปี2008ก็สามารถมองเห็นว่าบทบาทของไอเอ็มเอฟยังไม่ได้รับความสนใจแต่เมื่อโลกประสบวิกฤตเศรษฐกิจปี2008ทุกอย่างกมีความเปลี่ยนแปลงจนทำให้เศรษฐกิจต่างๆเล็งเห็นถึงความจำเป็นขององค์กรนี้  ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนนั้นการประชุมนี้ถือเป็นความหวังเพื่อให้โลกแสวงหานโยบายที่สำคัญช่วยแก้ไขอุปสรรคในปัจจุบัน ปรับปรุงนโยบายการพัฒนาของประเทศที่พัฒนาต่างๆ ส่งเสริมความพยายามรับมือกับความท้าทายใหม่ท่ามกลางปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่กำลังบานปลายไปสู่นอกภูมิภาคและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดใหม่ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ก่อนการประชุมนี้ จีนได้ประกาศว่ารัฐมนตรีกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนรวมทั้งตัวแทนของธนาคารต่างๆของจีนจะไม่เข้าร่วมประชุมโดยส่งรองผู้ว่าการธนาคารกลางและรัฐมนตรีช่วยการคลังไปแทน ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกร้าวที่นับวันกว้างลึกยิ่งขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจในเอเซียที่ด้ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์พหุภาคี เพราะความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการเงินระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ที่จำเป็นและมีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก โดยก่อนการประชุมนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการใหญ่ของไอเอ็มเอฟ ก็ได้ประกาศเรียกร้องให้ทั้งสองเศรษฐกิจใหญ่อันดับ2และ3ของโลกให้ความสนใจต่อเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าความขัดแย้งด้านอธิปไตย รวมทั้งย้ำว่า เศรษฐกิจโลกต้องการส่วนร่วมที่สมบูรณ์ทั้งจากจีนและญี่ปุ่น  แต่ในทางกลับกัน ทั้งสองประเทศนี้กลับไม่ได้แสดงทีท่าขานรับคำเรียกร้องดังกล่าว

การประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกกับอุปสรรคที่ขัดขวางความร่วมมือ  - ảnh 2
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่การประชุมเริ่มเปิดขึ้น สหรัฐและจีนก็เกิดปัญหาความขัดแย้งด้านการค้าครั้งใหญ่เมื่อวอชิงตันกล่าวหาบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนคือ หัวเว่ย (Huawei) และ แซดทีอี (ZTE) ว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ เนื่องจากตามรายงานการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งสภาล่างสหรัฐนั้น ปักกิ่งอาจจะใช้บริษัทสองแห่งดังกล่าวเป็นเครื่องมือเพื่อเสาะหาเรื่องเศรษฐกิจและการทหารหรือโจมตีเครือข่ายอินเตอร์เนตโดยเป้าหมายคือวอชิงตัน  ส่วนทางฝ่ายปักกิ่งได้ปัดปฏิเสธและกล่าวว่ารายงานของวอชิงตันเป็นเพียงข้อสงสัยที่ไม่มีหลักฐานยืนยันข้อเท็จจริงและได้ใช้ปัญหาความมั่นคงแห่งชาติเป็นข้ออ้างเพื่อกล่าวหาจีนและตำหนิบริษัทของจีนที่กำลังประกอบธุรกิจอย่างถูกกฎหมายตามปกติในสหรัฐ ซึ่งเรื่องความตึงเครียดนี้ได้เกิดขึ้นภายหลัง2สัปดาห์ที่สหรัฐได้ยื่นฟ้องจีนต่อองค์การการค้าโลกว่าทำการอุปถัมภ์ราคารถยนต์และอะไหล่ที่ส่งออก ส่วนจีนยื่นฟ้องสหรัฐเรื่องเก็บภาษีสูงเกินขอบเขตต่อสินค้านำเข้าจากจีน และนี่เป็นเพียง1ใน10กรณีฟ้องร้องจีนที่ทางฝ่ายสหรัฐกำลังดำเนินการในรอบ2ปีที่ผ่านมารวมทั้งเป็นความพยายามของประธานาธิบดีบารักโอบามาที่มุ่งลดอัตราการค้าเกินดุลของจีนต่อสหรัฐ

ส่วนเมื่อหันมองไปยังภูมิภาคยุโรปก็ไม่เห็นวี่แววที่สดใสแต่อย่างใดเมื่อความพยายามปรับลดอันตราหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่องรวมทั้งแผนการอัดฉีดงบเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ของประเทศต่างๆไม่ประสบผลดั่งเป้าหมาย ซึ่งตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์การเพิ่มรายรับงบประมาณ ลดการขาดดุลงบประมาณด้วยนโยบายรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่ายที่นำไปสู่การปรับลดงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมและการช่วยเหลือผู้ยากจนที่ประเทศต่างๆกำลังปฏิบัตินั้นยังวกวนกลับไปมาอย่างไม่มีทางออก และปัจจุบันประชามติได้ตั้งตารอความช่วยเหลือจากกองทุนกอบกู้วิกฤตหรือกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป(ESM)มูลค่า 6แสน5หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐโดยกลุ่มยูโรโซนประกาศเมื่อวันที่8ตุลาคมเพื่อนำเขตนี้หลุดพ้นจากภาวะวิกฤตปัจจุบัน  และสิ่งที่สำคัญคือยุโรปต้องมีความเห็นพ้องกันในนโยบายด้านภาษีและค่าใช้จ่ายภาครัฐตลอดจนการเร่งดำเนินแผนการควบรวมระบบธนาคารในภูมิภาค

ตามรายงานประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ที่ไอเอ็มเอฟได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ระบุการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากร้อยละ3.5ลงเหลือร้อยละ3.3ในปีนี้และจากร้อยละ3.9ลงเหลือร้อยละ3.6ในปี2013 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศมหาอำนาจต่างๆเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเหล่านี้ แต่จากสถานการณ์ในการประชุมนัดสำคัญที่สุดของปีที่กำลังมีขึ้น โดยเฉพาะการขาดบทบาทของประเทศที่เป็นฟันเฟืองของเศรษฐกิจโลกพร้อมบรรยากาศที่เป็นมิตรและใกล้ชิดกันได้ทำให้ประชามติมีความวิตกว่า เศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับภาวะที่ย่ำแย่กว่านี้ในอนาคต./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด