การพบปะระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐกับประธานประเทศจีนเพื่อกระชับสัมพันธ์เพื่อเสถียรภาพของโลก
Huyen – VOV5 -  
( VOVworld )- วันที่ ๖ เดือนนี้ตามเวลาในประเทศสหรัฐ นายสีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนจะมีการพบปะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐบารัค โอบามา การพบปะนี้ได้รับความสนใจติดตามอย่างใกล้ชิดจากสื่อต่างประเทศและประชามติระหว่างประเทศโดยหวังว่า ผู้นำทั้งสองท่านจะขยายความเข้าใจและสร้างความไว้วางใจกันมากขึ้นเพื่อขจัดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมกันแข่งขันและพยายามเพื่อสันติภาพและความมีเสถียรภาพของโลก
( VOVworld )- วันที่ ๖ เดือนนี้ตามเวลาในประเทศสหรัฐ นายสีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนจะมีการพบปะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐบารัค โอบามา การพบปะนี้ได้รับความสนใจติดตามอย่างใกล้ชิดจากสื่อต่างประเทศและประชามติระหว่างประเทศโดยหวังว่า ผู้นำทั้งสองท่านจะขยายความเข้าใจและสร้างความไว้วางใจกันมากขึ้นเพื่อขจัดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมกันแข่งขันและพยายามเพื่อสันติภาพและความมีเสถียรภาพของโลก
|
การเยือนเพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ( AP ) |
สหรัฐและจีนเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ ๑ และ ๒ ของโลก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของสองประเทศนี้รวมกันคิดเป็น ๑ ใน ๓ ของจีดีพีโลก และในปีนี้ คาดว่า มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอาจจะทะลุ ๕ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินของแต่ละประเทศแม้จะเล็กน้อยก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสองประเทศและเศรษฐกิจโลก ทั้งสองประเทศยังเป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีบทบาทสำคัญในการถ่วงดุลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นความเห็นพ้องกันระหว่างสหรัฐกับจีนจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เป็นจุดร้อนของโลกอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ สหรัฐและจีนยังเป็นสองประเทศใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งเป็นภูมิภาคที่ได้ถือว่าเป็นพลังขับเคลื่อนต่อการพัฒนาของโลก ดังนั้น ความสัมพันธ์ที่ราบรื่นระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตันจะมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองและเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้และชี้ขาดอนาคตของภูมิภาคและโลก ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนได้ก้าวเข้าสู่ระดับโลกแล้ว ไม่ใช่แค่ในขอบเขตระหว่างสองประเทศเหมือนแต่ก่อน ซึ่งการเสริมสร้างและกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศได้รับความสนใจเสนอข่าวจากสื่อทั่วโลกและประชามติระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาความสัมพันธ์นี้ต้องประสบกับความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีนและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของสหรัฐที่หวนกลับมาถ่วงดุลอำนาจในภูมิภาคตะวันออก การแข่งขันและกีดกันระหว่างสหรัฐกับจีนได้สร้างลมมรสุมทางภูมิศาสตร์ การเมืองและความมั่นคงระลอกใหม่ในเอเชียและแปซิฟิกจนทำให้เกิดจุดร้อนระอุหลายจุดในภูมิภาค อีกทั้งสร้างการแข่งขันเพื่อสำแดงพลังที่แข็งแกร่งและการเพิ่มสมรรถภาพทางทหารของหลายประเทศ โดยในขณะที่วอชิงตันปฏิบัตินโยบายปรับปรุงความสมดุลและขยายอำนาจของตนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ปักกิ่งกลับขยายอำนาจของตน ณ ภูมิภาคลาตินอเมริกาซึ่งเป็นฐานของสหรัฐ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการเยือน ๓ ประเทศอเมริกากลางของนายสีจิ้นผิงประธานประเทศจีนได้แก่ ตรินิแดดและโตเบโก คอสตาริกาและเม็กซิโกเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีขึ้นภายหลัง ๓ วันที่นายบารัค โอบามาประธานาธิบดีสหรัฐพบกับพลเอกเต็งเส่ง ประธานาธิบดีพม่าซึ่งพม่านั้นถือได้ว่าได้รับอิทธิพลจากจีนอย่างกว้างลึก จากการเยือน ๓ ประเทศอเมริกากลาง จีนอยากยืนยันว่า พร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับประเทศเล็กๆนอกเหนือความสัมพันธ์กับประเทศอภิมหาอำนาจอย่างสหรัฐ สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้นำจีนได้รับการต้อนรับอย่างดีในประเทศตรินิแดดและโตเบโกภายหลังการเยือนประเทศนี้ไม่กี่วันของนาย โจ ไบเด้น รองประธานาธิบดีสหรัฐ
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนเกิดรอยร้าวนั่นคือ ความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ โดยวันที่ ๕ ที่ผ่านมา นายหวางเฉิงชิงผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันฉุกเฉินเครือข่ายคอมพิวเตอร์แห่งชาติของจีนได้ออกมาเปิดเผยว่า ปักกิ่งมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการที่สหรัฐโจมตีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของจีน ซึ่งกระแสข่าวต่างๆเห็นว่าเป็นการกระทำตอบโต้การกล่าวหาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเพนตาก้อนได้ประกาศรายงานประจำปีที่มีชื่อว่า “ รายงานการพัฒนาทางทหารและความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับจีนปี ๒๐๑๓ ” โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวหารัฐบาลและกองทัพจีนอย่างเป็นทางการว่า ทำการแฮ็กข้อมูลจากสหรัฐ ในรายงานที่ส่งถึงรัฐสภาสหรัฐของสำนักงานดังกล่าวได้ระบุว่า ปี ๒๐๑๒ ที่ผ่านมา ระบบคอมพิวเตอร์บางส่วนของโลกรวมทั้งระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐถูกแฮ็กข้อมูล ซึ่งบางกรณีรัฐบาลและกองทัพจีนต้องรับผิดชอบ ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวได้สร้างกำแพงกีดกันในความสัมพันธ์และร่วมมือระหว่างสองประเทศ และจะเป็นประเด็นปัญหาที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาและประธานประเทศสีจิ้นผิงจะหยิบยกขึ้นมาหารือในการพบปะหารือทวิภาคี
ทั้งนี้และทั้งนั้นแสดงให้เห็นว่า การพบปะหารือทวิภาคีระหว่างผู้นำประเทศอภิมหาอำนาจจากตะวันตกและตะวันออกครั้งนี้มีความสำคัญยิ่ง ซึ่งวงการนักวิเคราะห์สถานการณ์เห็นว่า ผู้นำทั้งสองประเทศจะหารือโดยตรงในปัญหาระหว่างสองประเทศไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ การขาดดุลทางการค้า อัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับเงินดอลล่าร์ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออกและทะเลฮาวตุ้ง ปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีหรือเกาหลีเหนือตลอดจนความไว้วางใจทางยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ยังคลอนแคลนอยู่ แม้การเยือนสหรัฐของนายสีจิ้นผิงจะใช้เวลา ๒ วันเท่านั้น แต่ก็ถือว่ามากพอที่ผู้นำทั้งสองประเทศจะขยายความสัมพันธ์ส่วนตัวและหารือปัญหาสำคัญๆในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ สำหรับนายสีจิ้นผิงนั้นจะพยายามสร้างภาพลักษณ์ผู้นำคนใหม่ของจีนที่มีความมั่นใจในตัวเองและแข็งแกร่งในความสัมพันธ์อย่างเสมอภาคกับสหรัฐในขณะที่ปักกิ่งกำลังผลักดันนโยบายการทูตอย่างสมบูรณ์กับทุกประเทศและทุกภูมิภาค ส่วนวอชิงตันจะมีโอกาสเข้าใจผู้ที่จะนำรัฐนาวาจีนในอีกหลายปีข้างหน้า อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจต่อประเทศพันธมิตรในเอเชียและแปซิฟิกเกี่ยวกับภูมิภาคที่มีสันติภาพและความมีเสถียรภาพผ่านการปรับความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์หลักในกระดานหมากรุกโลกศตวรรษที่ ๒๑ ./.
Huyen – VOV5