อาคารที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการปะทะระหว่างรัสเซีย - ยูเครนในเมือง Sievierodonetsk จังหวัด Lugansk เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม (Reuters)

รายงานของรัฐบาลยูเครนในการประชุมฟื้นฟูยูเครนซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองลูกาโน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในระหว่างวันที่ 4-5 กรกฎาคม ได้แสดงให้เห็นว่า กระบวนการสร้างยูเครนขึ้นใหม่หลังสงครามจนถึงขณะนี้ต้องใช้งบประมาณมากถึง 7 แสน 5 หมื่น - 7 แสน 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่างบประมาณของเศรษฐกิจใหญ่ๆ ในโลกหลายเท่า แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ความท้าทายเพียงอย่างเดียวที่ต้องเผชิญในกระบวนการฟื้นฟูประเทศยูเครน

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่

ในการกล่าวปราศรัยเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรียูเครน เดนีส ชไมฮาล (Denys Shmyhal) ย้ำว่า ยูเครนถูกทำลายอย่างหนัก และต้องการเงินเพื่อฟื้นฟูประเทศสูงถึง 7 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในการกล่าวปราศรัยผ่านทางโทรทัศน์ต่อที่ประชุม ประธานาธิบดียูเครน Zelensky เผยว่า การฟื้นฟูประเทศยูเครนเป็นหน้าที่ที่หนักหน่วงและเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของ "โลกประชาธิปไตย"

ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองระหว่างประเทศ งบประมาณที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูประเทศยูเครนที่มากถึง 7 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้าย และนี่ถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่อย่างชัดเจน เพราะจำนวนเงินนี้มากกว่างบประมาณของประเทศต่าง ๆ หลายเท่า ทำให้ต้องขอรับความช่วยเหลือจากหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศร่ำรวยและเศรษฐกิจใหญ่ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจร่ำรวยต่างๆก็กำลังต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น จึงส่งผลให้การสนับสนุนจากประเทศร่ำรวยยังไม่ได้รับการค้ำประกัน

นอกจากนี้ การฟื้นฟูยูเครนยังต้องมีแผนการ ยุทธศาสตร์และกระบวนการดำเนินงานที่ซับซ้อน รวมถึงการให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนกลับประเทศและการค้ำประกันความมั่นคงทางชีวิตสำหรับชาวยูเครนกว่า 10 ล้านคนที่ต้องอพยพออกจากประเทศ บวกกับความจริงที่ว่า สงครามอาจยืดเยื้อเป็นเวลานาน ชาวยูเครนจำนวนมากยังคงต้องลี้ภัยและโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายต่อไป

เช่นเดียวกับความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเทศ นาย Simon Pidoux เอกอัครราชทูตของสวิสเซอร์แลนด์ที่รับผิดชอบการประชุมกล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินความต้องการทั้งหมด และย้ำว่า "ความพยายามในการฟื้นฟูจะยังคงยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปีหรืออาจหลายสิบปี"

มาตรการแก้ไขและโอกาส

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นในการประชุมฟื้นฟูยูเครนคือการที่ผู้นำของเกือบ 40 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ เช่น ธนาคารลงทุนยุโรปและองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจหรือ OECD ได้ลงนามในปฏิญญาลูกาโนซึ่งให้คำมั่นที่จะสนับสนุนทางการเมือง การเงินและเทคนิคในการฟื้นฟูประเทศให้แก่ยูเครน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีการระบุตัวเลขเพื่อสนับสนุนยูเครนในปฏิญญาลูกาโนอย่างเป็นรูปธรรม

ประเทศต่างๆ เข้าร่วมการประชุมฟื้นฟูยูเครนในเมืองลูกาโน สวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม (AFP)

ในสภาวการณ์ดังกล่าว มีหลายความคิดเห็นจากวงการนักการเมืองตะวันตกที่เรียกร้องให้ยึดทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียและเศรษฐีชาวรัสเซียในต่างประเทศเพื่อนำมาเป็นเงินทุนสำหรับการฟื้นฟูประเทศยูเครน คาดว่า นับตั้งแต่มอสโคว์เปิดยุทธนาการทางทหารพิเศษในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศตะวันตกได้อายัดทรัพย์สินในต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซียประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยึดเรือยอทช์และอสังหาริมทรัพย์ของเศรษฐีชาวรัสเซีย โดยสภาล่างสหรัฐได้อนุมัติการตัดสินใจขายทรัพย์สินที่ยึดจากรัสเซีย ในขณะที่ฝ่ายบริหารได้วางแผนที่จะใช้ทรัพย์สินที่อายัดจากธนาคารกลางรัสเซียเพื่อสนับสนุนยูเครน ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากข้าหลวงใหญ่ของสหภาพยุโรปที่ดูแลนโยบายความมั่นคงและการต่างประเทศ Josep Borrell

แต่อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้กำลังเผชิญกับการคัดค้านจากภายในประเทศตะวันตก ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมฟื้นฟูยูเครนเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นาย อิกนาซิโอ แคสซิส ประธานาธิบดีสวิสเซอร์แลนด์ได้เตือนถึงผลกระทบในทางลบถ้าหากถ่ายโอนทรัพย์สินที่อายัดจากรัสเซียไปให้แก่ยูเครน อีกทั้ง ย้ำว่า "สิทธิการเป็นเจ้าของและสิทธิในทรัพย์สินเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์" และแนวคิดที่จะส่งมอบทรัพย์สินที่อายัดจากรัสเซียให้แก่ยูเครนจะสร้าง"แบบอย่างที่เป็นอันตราย ทำลายมาตรฐานของความเป็นระเบียบเรียบร้อยระหว่างประเทศ"

เช่นเดียวกับความคิดเห็นนี้ นักวิเคราะห์หลายคนได้ย้ำว่า มาตรการแก้ไขและปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อให้แผนการฟื้นฟูประเทศยูเครนที่จะถูกเสนอในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงในการปฏิบัติ ภารกิจที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและประชาคมระหว่างประเทศต้องส่งเสริมการเจรจา กระชับความพยายามทางการทูตเพื่อยุติการปะทะโดยเร็ว นำสันติภาพและเสถียรภาพมาสู่ยูเครน.