การสนทนาคือมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อแก้ไขความคิดเห็นที่แตกต่างกันด้านสิทธิมนุษยชน

(VOVworld) – ตามข่าวที่เราได้เสนอไปแล้วว่า เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศ “รายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนโลกปี 2013” โดยกล่าวถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนของหลายประเทศ  รวมทั้งเวียดนาม แม้รายงานดังกล่าวจะรับทราบความคืบหน้าในด้านนี้ แต่ในบางประเด็นก็ยังมีการประเมินโดยอาศัยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ...

(VOVworld) – ตามข่าวที่เราได้เสนอไปแล้วว่า เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศ “รายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนโลกปี 2013” โดยกล่าวถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนของหลายประเทศ  รวมทั้งเวียดนาม แม้รายงานดังกล่าวจะรับทราบความคืบหน้าในด้านนี้ แต่ในบางประเด็นก็ยังมีการประเมินโดยอาศัยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและมีภาวะวิสัยในการประเมินเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม เวียดนามได้ยืนยันความพร้อมที่จะผลักดันการสนทนากับประเทศต่างๆในด้านนี้อยู่เสมอ

การสนทนาคือมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อแก้ไขความคิดเห็นที่แตกต่างกันด้านสิทธิมนุษยชน - ảnh 1
นาย เลหายบิ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม

ในแถลงการณ์ครั้งแรกหลังจากสหรัฐประกาศรายงานสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นาย เลหายบิ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ย้ำว่าการค้ำประกันสิทธิมนุษยชนคือปัจจัยสำคัญในนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนาม ดังนั้นบนเจตนารมณ์ที่ตรงไปตรงมาและมีลักษณะสร้างสรรค์ เวียดนามพร้อมที่จะสนทนากับประเทศที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน  ในขณะเดียวกัน ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐเมื่อเร็วๆนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐดูแลงานด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและแรงงาน Uzra Zeya ได้ยืนยันว่า มาตรการที่ดีที่สุดเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับเวียดนามในด้านสิทธิมนุษชนคือการสนทนาและแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านสังคมพลเรือนซึ่งมีความหมายสำคัญในการเข้าถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนของสหรัฐกับเวียดนาม

การสนทนาคือมาตรการที่ดีที่สุดเพื่อแก้ไขความคิดเห็นที่แตกต่างกันด้านสิทธิมนุษยชน - ảnh 2
ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐดูแลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและแรงงาน Uzra Zeyaในการให้สัมภาษณ์นักข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐ

สนทนาอย่างตรงไปตรงมาและคำมั่นรวบรวมความคิดเห็น
สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากสถานการณ์ที่เป็นจริงว่า นับตั้งแต่ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเมื่อปี 1995 จนถึงปัจจุบัน สหรัฐและเวียดนามได้จัดการสนทนาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน 17 ครั้งและหารืออย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับปัญหาที่แต่ละฝ่ายให้ความสนใจซึ่งได้ทำให้สหรัฐรับทราบความคืบหน้าในด้านที่เกี่ยวข้องถึงสิทธิมนุษยชนในเวียดนามและไม่ใช่ความบังเอิญที่เวียดนามถูกเลือกให้เป็นสมาชิกของสภาสิทธิมนุษชนของสหประชาชาติและเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้อนุมัติรายงานแห่งชาติของเวียดนามในด้านสิทธิมนุษยชน
ซึ่งผลงานนี้มาจากการสนทนาอย่างตรงไปตรงมาและจริงจังโดยไม่เพียงแต่รวบรวมความคิดเห็นเท่านั้นแต่เวียดนามยังให้คำมั่นที่จะตีความข้อเสนอของประเทศต่างๆอีกด้วยซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้เวียดนามผลักดันการค้ำประกันสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนให้ดีขึ้น ท่าน ห่ากิมหงอก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะผู้แทนเวียดนามที่เข้าร่วมการประชุมของสภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเมื่อเร็วๆนี้ได้เผยว่าหลังจากรับข้อเสนอแนะ เวียดนามได้ทำการประชุมหารือและประเมินว่าข้อเสนอส่วนใหญ่สอดคล้องกับแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่ของพรรค รัฐและสถานการณ์ที่เป็นจริงเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม นี่จะเป็นการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์และช่วยให้พวกเราสามารถกำหนดเนื้อหาที่จะได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆให้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อผลักดันการค้ำประกันสิทธิมนุษยชน พวกเราจะปฏิบัติข้อเสนอแนะต่างๆอย่างเคร่งครัดและผมคิดว่า นี่คือคำมั่นสูงสุดของเวียดนามต่อประชาคมโลก็็
ประชาคมโลกรับทราบผลสำเร็จด้านสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม

ระบบกฎหมายที่เกี่ยวข้องถึงนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนนับวันมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น การพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมควบคู่กับการดูแลชีวิตทั้งด้านวัตถุและจิตใจให้แก่ประชาชนได้รับการค้ำประกันให้ดีขึ้นซึ่งนี่คือผลสำเร็จของเวียดนามที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ประชาคมโลกได้มีมุมมองที่จริงจัง ตรงไปตรงมาและมีเหตุผลเกี่ยวกับการปฏิบัติสิทธิมนุษยชนของเวียดนามซึ่งสิ่งนี้ก็ได้รับการพิสูจน์จากสถานการณ์ที่เป็นจริง แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเสียงพูดที่มีอคติและมีเจตนาไม่ดีเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในเวียดนามเพื่อเป้าหมายที่แตกต่างกันซึ่งต่อทัศนะตรงข้ามดังกล่าว เวียดนามได้ตระหนักว่า การสนทนาคือช่องทางสำคัญที่สุดเพื่อแก้ไขความแตกต่าง ท่าน เลหว่ายจูง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหประชาชาติได้เผยว่า “ขณะนี้ บางประเทศมีแนวทางยุยงส่งเสริมการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้าย สำหรับเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่ต้องต่อสู้กับสงครามอย่างยาวนานก็กำลังเผชิญกับกองกำลังที่อยากสร้างความไร้เสถียรภาพด้านสังคม ในทางเป็นจริง เวียดนามเป็นประเทศที่มี 54 ชนเผ่าแต่ไม่เคยเกิดสงครามด้านชาติพันธุ์ ดังนั้นผู้ที่ทำยุยงส่งเสริมเพื่อก่อให้เกิดการปะทะทางเชื้อชาติและความไร้เสถียรภาพทางสังคมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ พวกเราได้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวหลายครั้งและหลายประเทศก็ได้รับทราบด้านนี้
หน้าที่สำคัญในเวลาที่จะถึงของเวียดนามคือผลักดันและค้ำประกันสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ เข้าร่วมความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็งเพื่อผลักดันสิทธิของมนุษยชาติในโลก นี่คือกระบวนการที่ยาวนานและต้องมีความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งซึ่งในกระบวนการนี้ การผลักดันจิตใจแห่งการสนทนาคือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของเวียดนามเพื่อเป็นการยืนยันอย่างเข้มแข็งถึงคำมั่นของรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวกับการผลักดันสิทธิมนุษยชน./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด