(VOVworld)-กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพิ่งประกาศคงอัตราภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดต่อกุ้งที่นำเข้าจากเวียดนามตามผลการตรวจสอบรอบที่8 เป็นอันว่าผู้ประกอบการส่งออกกุ้งเวียดนามจะต้องเสียภาษีในอัตราสูงที่สุดเมื่อส่งออกกุ้งไปยังตลาดสหรัฐ ซึ่งการกำหนดอัตราภาษีนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมและไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐ
(VOVworld)-กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพิ่งประกาศคงอัตราภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดต่อกุ้งที่นำเข้าจากเวียดนามตามผลการตรวจสอบรอบที่8 เป็นอันว่าผู้ประกอบการส่งออกกุ้งเวียดนามจะต้องเสียภาษีในอัตราสูงที่สุดเมื่อส่งออกกุ้งไปยังตลาดสหรัฐ ซึ่งการกำหนดอัตราภาษีนี้ถือว่าไม่ยุติธรรมและไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐ
ผู้ประกอบการเวียดนามไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในกระบวนการผลิตกุ้งส่งออก ราคากุ้งส่งออกของเวียดนามถูกกว่ากุ้งของสหรัฐเพราะเวียดนามได้รับเงื่อนไขที่สะดวกทางธรรมชาติ
|
ตามผลการตรวจสอบเกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดต่อกุ้งที่นำเข้าจากเวียดนามรอบที่8หรือพีโออา8ที่ดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี2012-มกราคมปี2013 ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพิ่งประกาศนั้น มีบริษัทส่งออกกุ้งเวียดนาม32แห่งต้องเสียภาษีในอัตราสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นกลุ่มบริษัทสัตว์น้ำมิงห์ฟู๊ถูกกำหนดอัตราภาษีร้อยละ4.98 บริษัทหุ้นส่วนสัตว์น้ำซอกจังต้องเสียภาษีถึงร้อยละ9.75 และบริษัทอีก30แห่งถูกกำหนดอัตราภาษีร้อยละ6.73 คิดรวมอัตราภาษีของบริษัทต่างๆทั่วประเทศคือร้อยละ25.76 ตามข้อกำหนดของกฎหมายสถานประกอบการเวียดนามมีสิทธิ์ยื่นหนังสือประท้วงการตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐต่อศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐหรือซีไอทีภายในเวลา30วัน
การตัดสินที่ไม่ยุติธรรมและไม่อาศัยสถานการณ์ที่เป็นจริง
เมื่อต้นเดือนมีนาคมปี2014 หลังจากที่ผลการตรวจสอบเบื้องต้นของพีโออา8เกี่ยวกับภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดกุ้งที่นำเข้าตลาดสหรัฐถูกประกาศ ผู้ประกอบการของเวียดนามก็ได้แสดงท่าทีคัดค้านการตัดสินใจนี้ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เพราะในทางเป็นจริงผู้ประกอบการเวียดนามไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในกระบวนการผลิตกุ้งส่งออก ราคากุ้งส่งออกของเวียดนามถูกกว่ากุ้งของสหรัฐเพราะเวียดนามได้รับเงื่อนไขที่สะดวกทางธรรมชาติจึงทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำ นาย เหงวียนหิวหยุง รองประธานสหพันธ์แปรรูปและส่งออกสัตว์น้ำเวียดนามหรือวาเซฟได้ยืนยันว่า “กุ้งของเวียดนามและกุ้งของสหรัฐต่างกันด้านเทคโนโลยีการผลิตและสภาพการเพาะเลี้ยง โดยกุ้งของสหรัฐเป็นกุ้งทะเลส่วนกุ้งของเวียดนามเลี้ยงในเขตที่ราบ ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันกันได้โดยตรง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นแค่เกมส์การค้าของผู้ผลิตกุ้งสหรัฐที่มุ่งหวังได้รับการคุ้มครองจากกฎเกณฑ์ของสหรัฐ”
การคุ้มครองไม่ได้ผลหากแต่สร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภรคสหรัฐ
ในทางเป็นจริงสามารถเห็นอย่างชัดเจนว่า กุ้งที่นำเข้าจากเวียดนามและกุ้งที่จับในทะเลของสหรัฐเป็นสองผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน เช่นกุ้งเลี้ยงในทะเลจะมีจุดเด่นคือมีปริมาณการผลิตที่สม่ำเสมอ มีคุณภาพเหมือนๆกันและตอบสนองใบสั่งซื้อได้ทุกเวลา ซึ่งสำหรับผู้บริโภคนั้นการค้ำประกันแหล่งกุ้งที่มีคุณภาพเป็นเรื่องที่สำคัญแต่สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกินความสามารถของผู้ผลิตกุ้งสหรัฐ อีกอย่างคือตลาดส่งออกนับวันมีความหลากหลายมากขึ้น จนทำให้สหรัฐไม่ใช่ตลาดที่น่าสนใจของผู้ส่งออกกุ้งต่างประเทศอีกต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณกุ้งนำเข้าตลาดสหรัฐลดลง ทำให้ราคากุ้งเพิ่มขึ้นและผลสุดท้ายคือผู้บริโภรคสหรัฐเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
นอกจากนั้นช่วงที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐออกคำตัดสินด้านภาษีสำหรับผู้ประกอบการส่งออกกุ้งเวียดนาม สถานการณ์การผลิตและประกอบการของหน่วยงานอุตสาหกรรมกุ้งสหรัฐกำลังดำเนินไปอย่างสะดวกและไม่ได้รับความเสียหายจากกุ้งนำเข้า ดังนั้นกุ้งส่งออกของเวียดนามมิใช่สาเหตุเพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ประกาศอัตราภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาด การที่บริษัทกุ้งเวียดนามส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีราคาย่อมเยานั้นมีแต่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภคสหรัฐเท่านั้นโดยไม่ได้สร้างความเสียหายหรือมีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายให้แก่หน่วยงานผลิตกุ้งของสหรัฐ
การตัดสินที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งการค้าเสรี
หน่วยงานผลิตและแปรรูปกุ้งส่งออกสามารถสร้างงานทำประมาณ3.5ล้านตำแหน่งและสร้างรายได้ที่คิดเป็นร้อยละ3ของจีดีพีเวียดนาม การที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐกำหนดอัตราภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดต่อสถานประกอบการส่งออกกุ้งเวียดนามจะสร้างความเสียหายโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานเวียดนามกว่า6แสนคน เป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรม เดินสวนกับเจตนารมณ์แห่งการค้าเสรีและความสัมพันธ์ทางการค้าที่กำลังพัฒนาอย่างดีงามระหว่างเวียดนาม-สหรัฐ
ปัจจุบันเวียดนามและสหรัฐกำลังพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านดังนั้นกิจกรรมทางการค้าระหว่างสองประเทศรวมทั้งการกำหนดอัตราภาษีต่อต้านการขายทุ่มตลาดต่อกุ้งที่นำเข้าจากเวียดนามควรได้รับการพิจารณาอย่างมีภาวะวิสัยและยุติธรรมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของผู้เพาะเลี้ยง ผู้ผลิตและแปรรูป รวมทั้งผู้ส่งออกกุ้งของเวียดนามเช่นเดียวกับผลประโยชน์ของผู้บริโภคและผู้นำเข้าและจำหน่ายกุ้งของสหรัฐ./.