การเจรจาข้อตกลงปารีส เป็นศิลปะการทูตในยุคโฮจิมินห์
Mỹ Trà - Mỹ Ngọc -  
(VOVWorld) – ข้อตกลงเกี่ยวกับการยุติสงครามและคืนสันติภาพกลับมาสู่ผืนดินเวียดนามหรือเรียกย่อว่า ข้อตกลงปารีส ได้รับการลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่๒๗มกราคมปี๑๙๗๓ ภายหลังเกือบ๑เดือน นับตั้งแต่สหรัฐยุติการทิ้งระเบิดใส่กรุงฮานอย และจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือเวียดนามโดยมีเนื้อหาสำคัญคือสหรัฐต้องยุติสงครามและถอนทหารออกจากภาคใต้เวียดนาม
(VOVWorld) – ข้อตกลงเกี่ยวกับการยุติสงครามและคืนสันติภาพกลับมาสู่ผืนดินเวียดนามหรือเรียกย่อว่า ข้อตกลงปารีส ได้รับการลงนาม ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่๒๗มกราคมปี๑๙๗๓ ภายหลังเกือบ๑เดือน นับตั้งแต่สหรัฐยุติการทิ้งระเบิดใส่กรุงฮานอย และจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือเวียดนามโดยมีเนื้อหาสำคัญคือสหรัฐต้องยุติสงครามและถอนทหารออกจากภาคใต้เวียดนาม
|
การเจรจาข้อตกลงปารีส(Photo:Internet) |
ในประวัติศาสตร์แห่งการต่อต้านศัตรูผู้รุกรานของประชาชาติเวียดนาม คงไม่มีการเจรจาใดที่ยืดเยื้อมานานปีดั่งการประชุมปารีสโดยได้ดำเนินไปเป็นเวลาเกือบ๕ปีพร้อมกับการประชุมอย่างเปิดเผย๒๐๒ครั้งและการประชุมอื่นๆอีก๒๔ครั้งซึ่งเป็นการต่อสู้ในเชิงการทูตระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ เมื่อหวนมองดูสถานะของเวียดนามนับตั้งแต่เริ่มเข้าโต๊ะเจรจาจนถึงตอนที่สหรัฐลงนามข้อตกลงปารีส รับรองเอกราช อธิปไตย เอกภาพ บูรณภาพแห่งดินแดนของเวียดนามอย่างเป็นทางการก็จะพบเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายของประเทศที่ถูกทำลายจากห่ากระสุนระเบิด สิ่งที่เวียดนามนำเข้าไปด้วยในการเจรจาคือ จิตใจปักใจรบ ปักใจชนะ จิตใจต่อสู้อย่างทรหดอดทนเพื่อปกป้องสัจธรรม ช่วงชิงเอกราชและเสรีภาพมาให้แก่ประชาชาติ ชัยชนะอันรุ่งโรชน์ในสมรภูมิเวียดนาม โดยเฉพาะ การเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์๑๒วันคืนของการสู้รบ“ฮานอยเดียนเบียนฟูกลางเวหา”ถือเป็นหมัดเด็ดที่สามารถทำให้สหรัฐยอมลงนามข้อตกลงปารีส ยุติสงครามในเวียดนาม นายNguyễn Khắc Huỳnh อดีตเอกอัครราชทูต สมาชิกของคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในการเจรจา ณ ปรุงปารีส ได้กล่าวว่า“การเจรจาที่ปารีสต้องใช้เวลานานพอสมควรและเต็มไปด้วยความยากลำบากเพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของสมรภูมิ ถ้าทหารของพวกเราในภาคใต้รบชนะสหรัฐได้ การจรจาก็จะมีความคืบหน้ามาได้ การเจรจาเป็นการต่อสู้ทางปัญญาทั้งด้านยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ความมุ่งมั่นและ กลยุทธ์ พวกเรายืนหยัดต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดคือสหรัฐยอมถอนทหารและยุติสงครามในภาคใต้เวียดนาม”
|
พิธีลงนามในข้อตกลงปารีส(Photo:Internet) |
ในประวัติศาสตร์แห่งการพิทักษ์รักษาประเทศของประชาชาติเวียดนาม นี่มิใช่เป็นครั้งแรกที่การเจรจาการทูตของเวียดนามประสบผลสำเร็จ แต่เมื่อเทียบกับสนธิสัญญาวันที่๖มีนาคมปี๑๙๔๖หรือข้อตกลงเจนีวา ข้อตกลงปารีสแสดงให้เห็นถึงจุดสุดยอดของชัยชนะและแนวโน้มการต่อสู้ของประชาชนเวียดนามบนเวทีโลกในสมัยนั้น การเจรจาเพื่อไปสู่การลงนามข้อตกลงปารีสแสดงให้เห็นถึงการนำที่ปรีชาสามารถของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ประธานโฮจิมินห์และสติปัญญาของการทูตปฏิวัติเวียดนามที่อาศัยความเป็นธรรม เวียดนามสามารถแสวงหาการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต จีน ประเทศสังคมนิยมต่างๆ ประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและประชาชนที่ฝักใฝ่สันติภาพในโลกจนกลายเป็นแนวร่วมประชาชนโลกที่ให้การสนับสนุนเวียดนามในการต่อต้านสหรัฐอเมริกาผู้รุกราน ท่านVõ Văn Sung อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ อดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำฝรั่งเศสได้กล่าวว่า“ชัยชนะของข้อตกลงปารีสมีความสำคัญ๒ประการ ๑คือในด้านการทูต ต้องหารือ และทำอย่างถูกต้องเพื่อให้ฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการจรจาข้อตกลงปารีสให้การสนับสนุนพวกเรา ๒คือ ต้องทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนในทั่วโลกให้การสนับสนุนพวกเรา ใน๑๒วันคืน ท้องฟ้าฮานอยเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและควันของระเบิดและกระสุนปืนใหญ่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสจะพบปะกับคณะผู้แทนเวียดนามทุกวันเพื่อฟังข้อมูลข่าวสาร ใน๑๒วันคืนนั้น ที่ประเทศฝรั่งเศสคือฤดูหนาว แต่มีบรรยากาศที่ฮึกเหิมเนื่องจากไมตรีจิตมิตรภาพ และการสนับสนุนของประชาชนชาวฝรั่งเศส ชาวเวียดนามที่อาศัยในฝรั่งเศส มิตรประเทศ และประชาชนในประเทศยุโรปตะวันตกที่มีต่อเวียดนาม”
|
รัฐมนตรีNguyễn Thị Bình ลงนามข้อตกลงปารีส(Photo:Internet) |
ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามในโอกาสฉลองครบรอบ๔๐ปีการลงนามข้อตกลงปารีส ท่านNguyễn Khắc Huỳnh สมาชิกของคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามได้ยืนยันว่า ข้อตกลงปารีสเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบของการทูตประชาชนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและการสนับสนุนของมิตรประเทศ“ข้อตกลงปารีสและการเจรจาปารีสได้ช่วยยกระดับทักษะความสามารถทางการทูตของเวียดนามให้อยู่ในระดับสากล มีส่วนร่วมพัฒนาการทูตเวียดนามให้ทันกับยุค ภายหลังการประชุมปารีส การทูตเวียดนามได้มีความมั่นคงมากขึ้น ชาวเวียดนามรู้สึกมีความมั่นใจ สบายใจและเสมอภาคในพบปะกับประเทศอื่นๆ”
|
นายNguyễn Khắc Huỳnh อดีตเอกอัครราชทูต สมาชิกของคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในการเจรจา (Photo:Internet) |
๔๐ปีหลังวันลงนามข้อตกลงปารีส ปัจจุบัน เวียดนามได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ๑๘๐ประเทศและดินแดน เป็นหุ้นส่วนที่เสมอภาคกับประเทศใหญ่หลายประเทศ เป็นสมาชิกที่เข้มแข็งและมีความความรับผิดชอบขององค์การร่วงมือพหุภาคีหลายองค์กร เวียดนามและสหรัฐได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ และกำลังมีก้าวเดินบนเส้นทางแห่งความร่วมมือ บทเรียนเกี่ยวกับความมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาอธิปไตยของประชาชาติ และความสามัคคีระหว่างประเทศบนโต๊ะเจรจาข้อตกลงปารีสยังทรงคุณค่าและได้รับการสืบสาน ส่งเสริมจากคนรุ่นต่างๆจนกลายเป็นแนวคิดการทูตสันติภาพและมิตรภาพในสภาวการณ์ใหม่
Mỹ Trà - Mỹ Ngọc