นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล (กลาง) กับหัวหน้าของพรรคCSU (ซ้าย) และหัวหน้าของพรรคSPD (ขวา) ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ กรุงเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 12 มกราคม (Photo THX/VNplus)

การเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้มีขึ้นระหว่างพรรคประชาธิปไตยสังคมหรือ SPDกับพรรคพันธมิตรประชาธิปไตย/คริสเตียนโซเชียลยูเนียนหรือ CDU/CSU ของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ซึ่งกระบวนการนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2018 ผ่านขั้นตอนระเบียบต่างๆเพื่อเข้าสู่การเจรจารอบสุดท้ายนี้

ก้าวเดินที่น่ายินดีต่างๆ

ตามการพยากรณ์ พรรคพันธมิตรประชาธิปไตย/คริสเตียนโซเชียลยูเนียนหรือ CDU/CSU ของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิลต้องเผชิญกับการเจรจาที่ยากลำบากกับพรรค SPD แต่บนเจตนารมณ์ที่ดีดังคำมั่นของผู้นำทั้งสองฝ่าย การเจรจาก็ได้ประสบผลสำเร็จที่น่ายินดีต่างๆ นั่นคือความเห็นพ้องในปัญหาใหญ่ๆ เช่น เป้าหมายการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาเงินบำนาญและครอบครัวของผู้ลี้ภัย

สำหรับปัญหายุโรป ทุกฝ่ายได้เห็นพ้องต่องบประมาณลงทุนเฉพาะสำหรับเขตยูโรโซน ซึ่งจะยุตินโยบายรัดเข็มขัดด้านงบประมาณ รวมทั้งผลักดันการเก็บภาษีที่ “แม่นยำและยุติธรรมมากขึ้น” ต่อเครือบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆของสหรัฐที่กำลังประกอบธุรกิจในยุโรป เช่น Google, Apple, Facebook และ Amazon แต่นี่คือคำประกาศที่ยังไม่มีตัวเลขอย่างชัดเจน

ผลสำเร็จเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีของกระบวนการเจรจาและสะท้อนทัศนะร่วมกันของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับบทบาทสำคัญของการจัดตั้งรัฐบาลร่วมเพื่อสร้างสรรค์ยุโรปที่เข้มแข็งและเอกภาพ นี่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความพยายามของสองพรรคเพื่อลดความขัดแย้งกัน

อุปสรรค

สองอุปสรรคใหญ่ในการเจรจาระหว่างสองพรรคคือกฎหมายแรงงานและสาธารณสุข สำหรับกฎหมายแรงงาน พรรค SPD มีความประสงค์ควบคุมบริษัทที่ใช้วิธีลงนามสัญญาว่าจ้างแรงงานระยะสั้นเพื่อเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ในการทำประกันและสวัสดิการสังคม โดยให้ข้อสังเกตว่า ในกรณีที่สัญญาระยะสั้นฉบับแรกของผู้ใช้แรงงานหมดอายุ ถ้าหากนายจ้างไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมก็จะต้องลงนามสัญญาระยะยาวกับผู้ใช้แรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม พรรค CDU/CSU ได้คัดค้านข้อเสนอดังกล่าวโดยแค่ตกลงว่า จะออกกฎหมายเพื่อยับยั้งการขยายเวลาที่มากเกินไปสำหรับสัญญาจ้างงานระยะสั้น

ในด้านสาธารณสุข พรรค SPD อยากใช้ระบบสาธารณสุขเดียวแทนระบบสาธารณสุขของรัฐและภาคเอกชนที่กำลังใช้อยู่ในเยอรมนี แต่พรรค CDU/CSU ก็ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว

สองปัญหาดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับสองฝ่ายเพราะพรรค SPD ถือว่า นี่คือปัญหาภายในประเทศที่สำคัญและส่งผลต่อเสียงสนับสนุนจากสมาชิกฝ่ายซ้ายและสมาชิกที่ผิดหวังภายในพรรค SPD เกี่ยวกับอนาคตของพรรคในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรค CDU/CSU เพราะต้องไม่ลืมว่า การที่พรรค SPD เข้าร่วมการเจรจาฟื้นฟู “ พันธมิตรขนาดใหญ่” กับพรรค CDU/CSU ได้สร้างความแตกแยกภายในพรรค ดังนั้นการฟื้นฟูความสามัคคีภายในพรรคคือเรื่องที่สำคัญที่สุด

การที่เยอรมนีไม่มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพในตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของประเทศและแผนการปฏิรูปสหภาพยุโรป ดังนั้น การบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลร่วมในเยอรมนีถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีสำหรับทั้งเยอรมนีและยุโรป.