การเยือนที่เปิดระยะการพัฒนาใหม่ในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น

(VOVWORLD) -ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ วันที่ 22 พฤศจิกายน นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้เริ่มการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 3 วัน การเยือนครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่มีชีวิตชีวาของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึกระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่นที่กำลังพัฒนาอย่างดีงาม และช่วยเปิดระยะแห่งการพัฒนาใหม่ในทุกด้านระหว่างสองประเทศ
การเยือนที่เปิดระยะการพัฒนาใหม่ในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น - ảnh 1ตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งที่สนามบิน   Haneda

นี่เป็นการเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งและญี่ปุ่นก็มีผู้นำคนใหม่  การเยือนนี้มีขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นผ่อนปรนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และเริ่มฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจ-สังคม ดังนั้น ทั้งสองประเทศจะมีโอกาสความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ การค้าและแหล่งบุคลากรอีกมาก

ความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและน่าไว้วางใจ

เวียดนามและญี่ปุ่นได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 21 กันยายนปี 1973 และสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างกว้างลึกเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี 2014 ในหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและกำลังอยู่ในระยะที่ดีที่สุดนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคี นาย หวูห่งนาม เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศญี่ปุ่นเห็นว่า

“ในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในปี 2020 และ 2021 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อปี 2019 นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุกได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นและเมื่อปี 2020 นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซูงะ โยชิฮิเดะ ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามและนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ฟุมิโอะ คิชิดะ ให้การต้อนรับนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่ง กิจกรรมการลงทุนและการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างสองประเทศยังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากบรรดาสถานประกอบการขยายการลงทุนในเวียดนาม  ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง-กลาโหมได้รับการพัฒนา  เวียดนามต้อนรับเรือต่างๆของญี่ปุ่น  จำนวนนักศึกษาเวียดนามที่ศึกษาในญี่ปุ่นก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นแหล่งบุคลากรที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญ”

ทั้งสองประเทศยังมีการพบปะหารือกันอย่างต่อเนื่องบนเจตนารมณ์แห่งความจริงใจ มิตรภาพ น่าเชื่อถือตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพเพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ ได้แก่ เศรษฐกิจ สาธารณสุข ยารักษาและวัคซีนป้องกันโควิด -19 ผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคง กลาโหมและความร่วมมือในฟอรั่มพหุภาคีเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจ

การเยือนที่เปิดระยะการพัฒนาใหม่ในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับญี่ปุ่น - ảnh 2นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง และบรรดาผู้แทนได้เข้าร่วมพิธีส่งออกส้ม Unshu ของญี่ปุ่นมาตลาดเวียดนาม

ผลักดันความร่วมมือที่หลากหลาย

นับตั้งแต่ต้นปี 2020 การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้ทำให้ทั้งสองประเทศต้องยกเลิกหรือเลื่อนการจัดกิจกรรมการต่างประเทศออกไป  ในขณะเดียวกันความร่วมมือด้านแรงงานและการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศยังคงธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับผ่านหลายรูปแบบ  ประสานงานในงานด้านการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้ความช่วยหลืออุปกรณ์การแพทย์   เทคนิคและพัฒนาศักยภาพให้แก่ระบบสาธารณสุขของเวียดนาม มูลค่ากว่า 4 พันล้านเยนและมอบวัคซีนแอสตร้า เซเนกาจำนวนกว่า 4 ล้านโดสให้แก่เวียดนาม ส่วนเวียดนามได้มอบหน้ากากอนามัยจำนวนเกือบ 1.2 ล้านชิ้นและหน้ากากอนามัยแบบผ้าจำนวน 2 หมื่นชิ้นให้แก่ญี่ปุ่น

ในสภาวการณ์นี้ ญี่ปุ่นได้ผ่อนปรนมาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น การเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งจึงมีความหมายที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่การรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศในปี 2023 เท่านั้นหากยังเปิดระยะแห่งการพัฒนาใหม่ในทุกด้านระหว่างสองประเทศอีกด้วย

“นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่นายกรัฐมนตรี ฟุมิโอะ คิชิดะ ให้การต้อนรับและเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งที่สองของนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งหลังการเข้าร่วมการประชุม COP 26  ซึ่งเป็นโอกาสเพื่อให้นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศส่งเสริมความสัมพันธ์  ชาวญี่ปุ่นก็มีคำว่า “ตัวไกล ใจก็ไกล” ถ้าหากไม่เจอกันเพื่อทำความเข้าใจกันความสัมพันธ์ก็จะไม่สนิท ซึ่งในการประชุม  COP 26 นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านก็ได้พบปะทวิภาคีตามพิธีการแล้ว แต่การเยือนครั้งนี้จะเป็นโอกาสเพื่อให้นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านหารือในประเด็นความสัมพันธ์ต่างๆอย่างกว้างลึกมากขึ้น”

การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งก็เป็นการยืนยันถึงคำมั่นของรัฐบาลเวียดนามว่า เวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่สนใจสำหรับสถานประกอบการญี่ปุ่นในการขยายฐานการผลิต กำหนดแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง และร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตโควิด -19

ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด เวียดนามพร้อมที่จะร่วมกับญี่ปุ่นเปิดระยะแห่งการพัฒนาใหม่อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เวียดนามเป็นเพื่อนมิตร หุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือและสนับสนุนญี่ปุ่นในการส่งเสริมบทบาทในภูมิภาคและโลก อีกทั้ง ร่วมกับญี่ปุ่นมีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาค.     

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด