การเยือนที่เปิดโอกาสมากมายให้แก่การพัฒนาใหม่ๆ

(VOVWORLD) - วันที่ 9 ธันวาคม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพื่อฉลองครบรอบ 45 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และเยือนประเทศลักเซมเบิร์ก  เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมอย่างเป็นทางการ การเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งการเป็นฝ่ายรุก ความกระตือรือร้นและการมีส่วนร่วมอย่างมีความรับผิดชอบของเวียดนามในความร่วมมือระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนกับสหภาพยุโรปหรืออียู ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมมีความลึกซึ้งมากขึ้น
การเยือนที่เปิดโอกาสมากมายให้แก่การพัฒนาใหม่ๆ - ảnh 1นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนและสหภาพยุโรปหรืออียูได้สถาปนาความสัมพันธ์สนทนาเมื่อปี 1977 ต่อจากนั้นได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมืออาเซียน-ประชาคมเศรษฐกิจยุโรปหรือ EEC เมื่อปี 1980 ซึ่งทำให้อาเซียนและสหภาพยุโรปเป็นสองตัวอย่างแห่งความสำเร็จเกี่ยวกับความร่วมมือระดับภูมิภาค

มุ่งมั่นร่วมมือ

นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1977 ที่อาเซียนและสหภาพยุโรปจัดการประชุมสุดยอดเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสนี้ในสหภาพยุโรปโดยมีผู้นำของประเทศสมาชิกเข้าร่วมโดยเฉพาะหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2020 นาย Igor Driesmans เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำอาเซียน กล่าวว่า

“นี่คือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เมื่อผู้นำของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปประชุมกับผู้นำของประเทศอาเซียน เรารอคอยการจัดงานนี้เป็นอย่างมากเพราะมีผู้นำอาเซียนเข้าร่วม สิ่งนี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากไม่เพียงช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับอาเซียนเท่านั้น หากยังเป็นการส่งข้อความไปทั่วโลกว่า เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกัน”

เมื่อหวนมอง 45 ปีแห่งความร่วมมือ ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปได้พัฒนาอย่างเข้มแข็งและขยายในทุกด้าน ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังประสานงานเพื่อปฏิบัติแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน-สหภาพยุโรปในช่วงปี 2023-2027 โดยสหภาพยุโรประบุว่า อาเซียนมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในยุทธศาสตร์ความร่วมมือของสหภาพยุโรปในมหาสมุทรอินโด-แปซิฟิก และมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับอาเซียน จุดเด่นของความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปคือด้านเศรษฐกิจ-การค้า โดยเมื่อปี 2021 ทั้งสองฝ่ายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับสามของกัน รวมยอดมูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุเกือบ 2 แสน 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในฐานะสมาชิกที่กระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในอาเซียน เวียดนามพยายามมีส่วนร่วมต่อการผลักดันความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป รวมทั้งความสัมพันธ์เวียดนาม-สหภาพยุโรป เวียดนามเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีกรอบความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ กลาโหมและความมั่นคงกับสหภาพยุโรป หลังจากบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – สหภาพยุโรปหรือ EVFTA เป็นเวลากว่า 2 ปี มูลค่าการส่งออกสินค้าของเวียดนามไปยังสหภาพยุโรปในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2022 ได้บรรลุกว่า 5 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เวียดนามกลายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับที่ 14 ของสหภาพยุโรป นาย Igor Driesmans เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำอาเซียน ประเมินว่า

 “เวียดนามเป็นประเทศที่สหภาพยุโรปมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในภูมิภาค สหภาพยุโรปมีข้อตกลงการค้าเสรีกับเวียดนามแล้ว ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงความร่วมมือด้านการเมืองและกลาโหม ดังนั้น ความสัมพันธ์ทวิภาคีจึงมีพื้นฐานและมีสถาบันที่มีความมั่นคงมาก และที่ชัดเจนก็คือ สำหรับสหภาพยุโรป เวียดนามไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วนทวิภาคีที่สำคัญเท่านั้น หากยังเป็นสมาชิกที่สำคัญในอาเซียนอีกด้วย”

เสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเศรษฐกิจและการลงทุนชั้นนำของเวียดนามในยุโรป

ในปี 2023 เวียดนามจะร่วมมือกับลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ในตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับทั้งสามประเทศได้พัฒนาอย่างดีงาม ทั้งสามประเทศต่างอยู่ในกลุ่มหุ้นส่วนเศรษฐกิจ-การลงทุนชั้นนำของเวียดนามในยุโรป

ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลักเซมเบิร์กพัฒนาอย่างดีงาม โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและความช่วยเหลือด้านการพัฒนา ลักเซมเบิร์กเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 3 ของสหภาพยุโรปในเวียดนาม รวมยอดเงินลงทุน 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นหนึ่งในประเทศในสหภาพยุโรปที่ให้สัตยาบันข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนระหว่างสหภาพยุโรปกับเวียดนามหรือ EVIPA ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังส่งเสริมความร่วมมือในด้านการเกษตรเชิงนิเวศและการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ส่วนสำหรับความสัมพันธ์เวียดนาม-เนเธอร์แลนด์นั้น ก็กำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็งในหลายด้าน เนเธอร์แลนด์เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรปในเวียดนาม โดยมีโครงการลงทุน 380 โครงการ รวมมูลค่า 1 หมื่น 3 พัน 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกรอบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตรที่ยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินโครงการร่วมมือระยะกลางและระยะยาวหลายโครงการ

ในขณะเดียวกัน เวียดนามและเบลเยียมได้ดำเนินโครงการความร่วมมือหลายโครงการในกรอบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านการเกษตร โครงการ“บำบัดน้ำเค็มจากพลังงานลม”ซึ่งดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2021 ในตำบล อานหาย จังหวัดนิงถ่วนเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับความร่วมมือนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท เลก๊วกแยวง กล่าวว่า

“การปฏิบัติรูปแบบ“บำบัดน้ำเค็มจากพลังงานลม”เป็นการนำร่อง” โดยใช้เงิน ODA ของรัฐบาลเบลเยียมในจังหวัดนิงถ่วน เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความร่วมมือที่ได้รับการรอคอยเป็นอย่างมากของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท  โครงการที่ประสบความสำเร็จนี้จะสร้างโอกาสมากมายสำหรับจังหวัดนิงถ่วนและจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำทะเลหนุนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างประเทศมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อหน่วยงานการเกษตรในการฟันฟ่านความยากลำบากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”

จากความสำเร็จของความร่วมมือที่มีอยู่ การเยือนครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จะช่วยส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ยืนยันถึงสถานะที่นับวันเพิ่มสูงขึ้นของเวียดนามต่อ 3 ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ช่วยให้เวียดนามขยายความร่วมมือในด้านที่มีจุดแข็งของแต่ละประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาของเวียดนาม

ผ่านกิจกรรมต่างๆในกรอบของการเยือน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง และคณะปฏิบัติงานยังได้ส่งสารเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่กำลังฟื้นตัวอย่างเข้มแข็ง พร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สันติภาพ เสถียรภาพในภูมิภาคและให้ความสำคัญต่อบทบาทของลัทธิพหุภาคี.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด