ขบวนการสตาร์ทอัพในเวียดนามปี 2020 พัฒนาต่อไป

(VOVWORLD) - ในปี 2020 ขบวนการสตาร์ทอัพในเวียดนามได้รับการพยากรณ์ว่าจะพัฒนาและขยายผลต่อไป โดยการเข้าร่วมของทางการปกครองท้องถิ่นในการสร้างสรรค์บรรยากาศเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การทำธุรกิจ บวกกับความคิดและความปรารถนาของสถานประกอบการถือเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานเพื่อช่วยให้ภาพรวมของขบวนการสตาร์ทอัพในเวียดนามสดใสมากขึ้น
ขบวนการสตาร์ทอัพในเวียดนามปี 2020 พัฒนาต่อไป - ảnh 1Photo internet

สตาร์ทอัพและนวัตกรรมคือหนึ่งในพลังขับเคลื่อนในการขยายตัวของเศษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะต่อประเทศที่กำลังพัฒนาเหมือนเวียดนาม รัฐบาลได้วางนโยบายต่างๆเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ ดังนั้น ในปี 2020 เวียดนามต้องผลักดันและปฏิบัตินโยบายเหล่านี้ให้เกิดประสิทธิผล นอกจากนี้ เศรษฐกิจภายในประเทศของเวียดนามกำลังพัฒนาอย่างคล่องตัว โดยดัชนีเกี่ยวกับการผลิต การส่งออกและเทคโนโลยีต่างอยู่ในระดับที่น่ายินดี ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญให้แก่ขบวนการสตาร์ทอัพ

ปฏิบัติอย่างพร้อมเพรียง

ปี 2020 ขบวนการสตาร์ทอัพยังได้รับประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนสตาร์ทอัพของรัฐบาลเวียดนาม โดยเฉพาะร่างโครงการ “สนับสนุนนักเรียนและนักศึกษาสตาร์ทอัพถึงปี 2025” หรือในมติฉบับที่ 844 ของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการอนุมัติร่างโครงการ “สนับสนุนระบบนิเวศสตาร์ทอัพนวัตกรรมแห่งชาติถึงปี 2020 ดังนั้นในปี 2020 ถือเป็นปีสำคัญให้เวียดนามปฏิบัตินโยบายเหล่านี้ในเชิงลึก มีความเชื่อมโยงอย่างเข้มแข็งเพื่อพัฒนาประเทศเวียดนามเป็นประเทศสตาร์ทอัพและมุ่งสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพในเอเชียและในทั่วโลก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ต้องทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นนวัตกรรมอย่างแท้จริง มีคุณค่าและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ นาย ฝ่ามหงอกต๊วน รองหัวหน้าคณะกรรมการจัดโครงการสตาร์ทอัพแห่งชาติเผยว่า ในปี 2020 โครงการฯจะเน้นถึง 3 เสาหลัก            “หนึ่งคือต้องปรับปรุงเครือข่ายสตาร์ทอัพให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น สองคือขยายผลไปทั่วประเทศ เพิ่มทักษะความสามารถในการสนับสนุนสถานประกอบการสตาร์ทอัพ นี่เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ดึงดูดและได้รับความสนใจร่วมมือจากองค์กรและสถานประกอบการ สามคือ ต้องพัฒนาการดำเนินงานเพื่อมีส่วนร่วมปรับปรุงระบบกฎหมายสำหรับการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรม”

ในปี 2019 กรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ได้เป็นท้องถิ่นนำหน้าในการพัฒนาขบวนการสตาร์ทอัพ ส่วนในปี 2020 นครดานังจะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งชาติของภาคกลางและเขตที่ราบสูงเตยเงวียน โดยทางนครฯ ได้เน้นปรับปรุงปัจจัยหลักๆ 5 ปัจจัย คือ ทักษะความสามารถ เครือข่าย วัฒนธรรม เงินทุนและระเบียบการ นาย เจิ่นวันตุ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเผยว่า “นครดานังจะเป็นศูนย์กลางโดยมีการเชื่อมโยงกับพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อพัฒนาระบบนิเวศของภาคกลางอย่างจริงจัง มีกองกำลังสตาร์ทอัพ มีที่ปรึกษา มีนักลงทุน สถานที่ทำงานร่วมกันและมีข้อมูลเชื่อมโยงเครือข่ายสตาร์ทอัพ”

สร้างนิมิตหมายในภูมิภาค

ควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ ขบวนการสตาร์ทอัพแห่งชาติจะผลักดันการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ประสบการณ์กับบรรดาประเทศอาเซียน เพราะว่า ปัจจุบันนี้ ประชากรอาเซียนร้อยละ 60 อยู่ในวัยที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งมีศักยภาพสูงในด้านนวัตกรรมและสตาร์ทอัพ ยิ่งไปกว่านั้น การที่เวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน 2020 พร้อมกับการวางแผนและปฏิบัติประเด็นต่างๆเกี่ยวกับสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องถึงบรรดาประเทศอาเซียนจะสร้างเป็นนิมิตหมายของปี 2020 ปีแห่งสตาร์ทอัพเวียดนาม อาเซียน นาย หวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามเผยว่า

“ในปี 2020 จิตใจแห่งสตาร์ทอัพต้องเป็นจิตใจของทั้งสังคมเพราะว่า ในปี 2020 เวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ผมขอเสนอว่า โครงการสตาร์ทอัพของเอบีเอซี 2020 จะสร้างสรรค์เครือข่ายสตาร์ทอัพอาเซียน หวังว่า ประสบการณ์และรูปแบบที่ดีของเวียดนามในด้านสตาร์ทอัพจะสามารถขยายผลไปยังระดับภูมิภาคเพื่อให้เรามีส่วนร่วมต่อขบวนการสตาร์ทอัพของอาเซียน สตาร์ทอัพอาเซียนจะเป็นแผนปฏิบัติการของเราและเป็นเส้นทางให้อาเซียนก้าวรุดหน้าไป”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด