ขยายความสัมพันธ์ร่วมมือเวียดนาม – สาธารณรัฐเช็ก

(VOVWORLD) -ตามคำเชิญของประธานประเทศเวียดนามเจิ่นด่ายกวาง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็กได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 6-8 มิถุนายน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การศึกษาฝึกอบรม การส่งออกแรงงานและปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ
ขยายความสัมพันธ์ร่วมมือเวียดนาม – สาธารณรัฐเช็ก - ảnh 1 ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก มิลอส เซมาน (Photo AFP/VNplus)

นับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี1950 ความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับสาธารณรัฐเช็กได้รับการเสริมสร้างอย่างไม่หยุดยั้งจากผู้นำและประชาชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าของทั้งสองประเทศ เวียดนามให้ความสำคัญต่อการขยายความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนมิตรเก่าแก่ในยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อสาธารณรัฐเช็ก ส่วนสาธารณรัฐเช็กก็ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆต่อการปฏิบัตินโยบายขยายความสัมพันธ์ในทุกด้านกับเวียดนาม

เวียดนามเป็นหุ้นส่วนสำคัญของสาธารณรัฐเช็ก

ก่อนการเยือนเวียดนามครั้งนี้ นาย โรดอล์ฟ จินดรัก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของสำนักประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็กได้ยืนยันว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี มิลอส เซมานมีความหมายพิเศษเพราะเป็นครั้งแรกที่นาย มิลอส เซมาน เยือนเวียดนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็กและเป็นการเยือนต่างประเทศที่สำคัญในปี 2017 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการที่สาธารณรัฐเช็กให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสัมพันธ์กับเวียดนาม “เวียดนามและสาธารณรัฐเช็กมีความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานและดีงาม ทั้งในช่วงเวลาที่เรายังเป็นประเทศเชกโกสโลวาเกีย เวียดนามเป็นเพื่อนมิตร เป็นหุ้นส่วนสำคัญและเป็นประตูให้เราเข้าสู่เอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งไปกว่านั้น สองประเทศเรามีความผูกพันกันเพราะชมรมชาวเวียดนามได้รับรองเป็นชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่เป็นอันดับสามในสาธารณรัฐเช็ก และพวกเราให้ความเคารพเป็นอย่างมาก”

สิ่งที่น่าสนใจคือ สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศเดียวในยุโรปที่รับรองชมรมชาวเวียดนามเป็นชนกลุ่มน้อยในสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งปัจจุบันนี้ มีชาวเวียดนามกำลังอาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเช็กประมาณ 6 หมื่นคนซึ่งกำลังปรับตัวเข้ากับสังคมสาธารณรัฐเช็กอย่างเข้มแข็ง ส่วนรัฐบาลสาธารณรัฐเช็กให้ความสำคัญต่อส่วนร่วมที่เข้มแข็งของชมรมชาวเวียดนามในการพัฒนาสังคมสาธารณรัฐเช็กและความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านเศรษฐกิจการค้ามีการพัฒนาเป็นที่น่ายินดี โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2016 ได้บรรลุเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติปี 2012-2020 สาธารณรัฐเช็กได้ระบุเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนเข้าในรายชื่อ 12 ตลาดที่ได้รับสิทธิพิเศษ ปัจจุบันนี้ สายการบินเวียดนามแอร์ไลน์กำลังพิจารณาการเปิดเส้นทางบินเวียดนาม -สาธารณรัฐเช็กเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ ถึงขณะนี้ สาธารณรัฐเช็กมีโครงการลงทุนในเวียดนาม 35 โครงการ อยู่อันดับที่ 42 จากจำนวน 101 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม

ไฮไลท์ของการเยือนและศักยภาพของความร่วมมือ

จากผลสำเร็จที่ได้บรรลุของความสัมพันธ์ทวิภาคีเวียดนาม – สาธารณรัฐเช็กในเวลาที่ผ่านมา การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี มิลอส เซมานจะมีส่วนร่วมเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์มิตรภาพ ความร่วมมือที่มีมาช้านานระหว่างสองประเทศ ในคณะที่เดินทางมาเยือนเวียดนามพร้อมกับประธานาธิบดี มิลอส เซมาน มีสถานประกอบการสาธารณรัฐเช็กประมาณ 60 แห่งที่เป็นตัวแทนในด้านพลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ เภสัชภัณฑ์ การบริหารจัดการน้ำ การท่องเที่ยวและการให้บริการ เช่น บริษัท ALTA Brno INEKON Group และ Metrostav เป็นต้น ซึ่งมีทั้งบริษัทที่ร่วมมือกับเวียดนาม และกำลังแสวงหาโอกาส สำหรับประเด็นที่สำคัญในการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก นาย โรดอล์ฟ จินดรัก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของสำนักประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็กเผยว่า “นอกจากด้านเศรษฐกิจ ในการเยือนครั้งนี้ พวกเราเน้นถึงความร่วมมือทวิภาคีในด้านการท่องเที่ยว คือจะอำนวยความสะดวกให้พลเมืองสาธารณรัฐเช็กเที่ยวเวียดนามและพลเมืองเวียดนามเที่ยวสาธารณรัฐเช็ก เมื่อปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐเช็กประมาณ 14,000 คนเที่ยวเวียดนาม ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่สะท้อนศักยภาพของความร่วมมือในด้านนี้ โดยเฉพาะผมให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศและคนของแต่ละฝ่าย”

การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก มิลอส เซมาน มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้านานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนับวันพัฒนาอย่างกว้างลึกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด