ข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลาง

(VOVWORLD) - เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเมิเรตส์หรือ UAE และอิสราเอลได้ประกาศบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่มีสหรัฐเป็นคนกลางมุ่งสู่การปรับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นปกติอย่างสมบูรณ์ โดย UAE กลายเป็นประเทศแรกในเขตอ่าวและประเทศอาหรับที่ ที่ปรับความสัมพันธ์เป็นปกติ กับอิสราเอลต่อจากอียิปต์เมื่อปี 1979 และจอร์แดนเมื่อปี 1994 ด้วยความหมายพิเศษนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการพยากรณ์ว่า อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้แก่สถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางในอนาคต
ข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลาง - ảnh 1เขตตั้งถิ่นฐาน Givat Zeev ของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงค์ (AFP) 

ตามข่าวอย่างเป็นทางการ หนึ่งในเนื้อหาสำคัญในข้อตกลงคืออิสราเอลให้คำมั่นระงับแผนการผนวกดินแดนต่างๆของปาเลสไตน์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอล นอกจากนั้น รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือ UAE ยืนยันว่า ข้อตกลงมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขผลกระทบจากการปะทะระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลต่อมาตรการสองรัฐอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ประเทศต่างๆในภูมิภาคและโลกได้ออกมาชื่นชมข้อตกลงฉบับนี้ โดยถือเป็นก้าวเดินสำคัญต่อสันติภาพของภูมิภาค แต่ก็มีบางประเทศได้คัดค้านอย่างเข้มแข็ง โดยถือเป็นการเคลื่อนไหวที่อันตรายต่อสถานการณ์ในภูมิภาค ส่วนตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ ความแตกต่างในทัศนะเกี่ยวกับปัญหานี้ของนานาประเทศได้สะท้อนถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ซับซ้อนในตะวันออกกลาง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทุกฝ่ายมีทัศนะที่แตกต่างกัน แต่การบรรลุข้อตกลงปรับความสัมพันธ์เป็นปกติระหว่างอิสราเอลกับ UAE ยังคงถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และจุดเริ่มต้นให้แก่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาค

ความคาดหวัง

หลังจากทางการสหรัฐประกาศว่าอิสรเอลและ UAE บรรลุข้อตกลงเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ประเทศต่างๆ เช่นรัสเซีย เยอรมนี ญี่ปุ่น อียิปต์ บาเรนห์และโอมานได้ชื่นชมข้อตกลงดังกล่าว โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ไฮโก มาส  ได้ประเมินว่า การที่อิสราเอลและ UAE ปรับความสัมพันธ์เป็นปกติ “คือส่วนร่วมที่สำคัญต่อสันติภาพในภูมิภาค” ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีอียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ อัล ซีซี ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงนี้จะนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลาง ส่วนรองประธานคนที่หนึ่งของคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศของวุฒิสภารัสเซีย Vladimir Dzhabarov ได้แสดงความเห็นว่า ข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับ UAE จะมีส่วนร่วมฟื้นฟูสถานการณ์ในภูมิภาคให้เป็นปกติ ส่วนเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนีโอ กูเตอร์เรส ได้แสดงความเห็นว่า ข้อตกลงสามารถผลักดันสันติภาพและความมั่นคงในตะวันออกกลาง

ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ ข้อตกลงนี้ได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลก เพราะนอกจากช่วยคลี่คลายความตึงเครียดทางการทูตในปัจจุบันระหว่างโลกอาหรับกับอิสราเอลแล้ว ก็ยังได้รับการคาดหวังว่า จะสร้างแรงบันดาลใจ เปิดทางให้แก่การนำไปสู่ข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันระหว่างประเทศอาหรับอื่น ๆ กับอิสราเอลในอนาคตอีกด้วย แต่ก็มีความคิดเห็นที่แสดงความวิตกกังวลว่า เหตุการณ์นี้อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนาให้แก่กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง

ข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลาง - ảnh 2ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอิสราเอลและ UAE ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม (Whitehouse.gov) 

สถานการณ์ยากที่จะคาดเคา

ในคำประกาศเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เสนาธิการใหญ่กองทัพอิหร่าน Mohammad Bagheri ได้เตือนว่า “ถ้าหากเกิดปัญหาอะไรในอ่าวเปอร์เซียและความมั่นคงของอิหร่านได้รับผลกระทบ อิหร่านจะทำให้ UAE ต้องมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้และอิหร่านจะไม่ยกโทษให้” ในขณะเดียวกัน กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามหรือ IRG ของอิหร่านได้คัดค้านข้อตกลงโดยถือว่า นี่คือข้อตกลงที่มีการแทรกแซงจากสหรัฐซึ่งจะเพิ่มอิทธิพลของสหรัฐในตะวันออกกลาง และเปิด “อนาคตที่อันตราย” ให้แก่ UAE

ตามความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ ท่าทีของอิหร่านเป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย เพราะในมุมมองของอิหร่าน ข้อตกลงสันติภาพอิสราเอล-UAE ยังถือเป็นความสำเร็จในความพยายามโดดเดี่ยวอิหร่านที่นำโดยสหรัฐ และเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน อิหร่านจะระดมกำลังเพื่อรับมือ และทำให้การเผชิญหน้าระหว่างอิหร่านกับสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคมีความรุนแรงมากขึ้นในเวลาที่จะถึง

ข้อตกลงฉบับนี้ยังถูกคัดค้านอย่างเข้มแข็งจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะทางการปาเลสไตน์ โดยนาย Nabil Abu Rudeineh ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ได้ยืนยันว่า ทางการปาเลสไตน์ประณามข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งถือเป็น “การทรยศต่อเยรูซาเลม อัลอักซอ (Al-Aqsa) และภารกิจของปาเลสไตน์” ส่วนกระทรวงการต่างประเทศตุรกีได้แสดง “ความวิตกกังวลเป็นอย่างมากว่าสิ่งที่ UAE ทำในครั้งนี้จะทำให้ข้อคิดริเริ่มสันติภาพอาหรับโดยสันนิบาตอาหรับเป็นผู้เสนอและได้รับการสนับสนุนจากองค์การความร่วมมืออิสลามยุติลง”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เห็นว่า ปัญหาการเมืองในตะวันออกกลางภายหลังข้อตกลงสันติภาพอิสราเอล-UAE ยังคงยากที่จะคาดเดาผล./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด