ประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราชอันเป็นการกำเนิดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945

ปฏิญญาเอกราชปี 1945 เป็นการสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยฤดูใบไม้ร่วงครั้งแรกที่ประเทศมีเอกราชเมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงคือ เวียดนามมีสิทธิ์ที่จะได้รับเสรีภาพและเอกราช ประชาชาติเวียดนามมุ่งมั่นที่จะทุ่มเททั้งจิตใจและพลัง ชีวิตและทรัพย์สินเพื่อรักษาสิทธิเสรีภาพและเอกราช

เอกราชและเสรีภาพคือความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของประชาชาติ

ปฏิญญาเอกราชเป็นพื้นฐานทางนิตินัยที่มั่นคงซึ่งไม่เพียงแต่ยืนยันถึงอธิปไตยของประชาชาติเวียดนามต่อโลกเท่านั้น หากยังเปิดศักราชใหม่ของประชาชาติเวียดนามและประชาชนเวียดนามบนเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนา ยกระดับสถานะของเวียดนามบนเวทีระหว่างประเทศอีกด้วย

ในยุคโฮจิมินห์ เอกราชและเสรีภาพไม่เพียงแต่เป็นความมุ่งมั่นเท่านั้น หากยังเป็นปรัชญาแห่งชีวิตเป็นอุดมการณ์แห่งความพยายามและความเสียสละที่ประธานโฮจิมินห์ พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามและประชาชนยึดมั่นปฏิบัติ ซึ่งความเชื่อมั่นในการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีและผาสุกในประเทศเวียดนามที่ เอกราชเอกภาพและสันติได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้ประชาชนยึดมั่นปฏิบัติตามแนวทางของพรรคและสร้างชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานจากต่างประเทศ และเดินหน้ากระบวนการก้าวไปสู่สังคมนิยม สร้างสรรค์ ปกป้องและพัฒนาประเทศ การประกาศปฏิญญาเอกราช เวียดนามได้ฟื้นฟูหลังจากได้รับความสูญเสียมากมายเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใสและต่อสู้เพื่อสันติภาพ เอกราช เสรีภาพ ประชาธิปไตยและความก้าวหน้าทางสังคม นายโดดึ๊กมิงห์ อาจารย์อาวุโสของมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย แสดงความเห็นว่า

“ปฏิญญาเอกราชเปรียบเสมือนบทเพลงที่เป็นอมตะ ส่องแสงสว่างให้แก่เส้นทางของประชาชาติเวียดนามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเพื่อก้าวไปสู่อนาคต เวียดนามมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่พิเศษมากเนื่องจากอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน บนทางแยกจากตะวันออกไปยังตะวันตก จากมหาสมุทรอินเดียไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นประตูการค้าสู่โลก ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เรื่องเอกราชและอธิปไตยต้องได้รับการรักษาอยู่เสมอ”

เมื่อเดือนกันยายนปี 1946 ณ ศาลากลางในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ประธานโฮจิมินห์ได้ประกาศความมุ่งมั่นของประชาชาติเวียดนามทั้งปวงที่จะไม่เป็นทาสอีกต่อไป

เอกราชและเสรีภาพ: เข็มทิศนำทางเพื่อสร้างสรรค์ประเทศ

จากการสานต่อจิตใจแห่งปฏิญญาเอกราช จากประเทศที่ยากจนและได้รับความเสียหายจากสงคราม เวียดนามได้ปฏิบัติภารกิจโด๋ยเหมยหรือการเปลี่ยนแปลงใหม่จนประสบความสำเร็จดั่งปัจจุบัน โดยการพัฒนาเฉลี่ยทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับค่อนข้างดี ขนาดและศักยภาพของเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ความก้าวหน้า ความยุติธรรมทางสังคม การพัฒนาวัฒนธรรมและการสร้างสรรค์ชนบทใหม่ได้บรรลุผลงานที่น่ายินดีและดัชนีการพัฒนามนุษย์หรือ HDI ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ศาสตราจารย์ ดร. ด้านวิทยาศาสตร หวูมิงห์ยาง แสดงความเห็นว่า

“ผลงานจากการปฏิวัติมีความยิ่งใหญ่มากและไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้น เรามั่นใจกับเส้นทางที่กำลังเดินอยู่ และเชื่อมั่นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรากำลังมุ่งสู่คือความสุขของประชาชนและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ”

ส่วนมุมมองของต่างประเทศ เพื่อนมิตรชาวต่างชาติทั่วโลกได้แสดงความชื่นชมต่อเวียดนามที่เป็นประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพ เป็นมิตรและมีอัธยาศัยดี การเปลี่ยนแปลงและการสร้างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมของเวียดนามต่อประชาคมระหว่างประเทศ นาย Yerlan Baizhanov เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำเวียดนาม ได้แสดงความเห็นว่า

“เวียดนามเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเกียรติประวัติทางประวัติศาสตร์และประเพณีของประชาชาติ แนวโน้มที่โดดเด่นของชีวิตสมัยใหม่ในเวียดนามคือการพัฒนา ผมเห็นว่า เยาวชนเวียดนามมีความกระตือรือร้นมาก เยาวชนหลายคนกลับมาจากเรียนต่างประเทศ สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระแสนี้ได้เกิดผล เราได้เล็งเห็นถึงผลงานเหล่านี้แล้ว ผมจึงเชื่อมั่นว่า ในอนาคต เวียดนามจะพัฒนามากขึ้น”

ปัจจุบัน เวียดนามกำลังแปรเป้าหมายที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 ปี 2021 ได้วางไว้ในช่วงปี 2021-2026 อย่างเป็นรูปธรรม โดยในตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา เวียดนามมีความมั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถบรรลุผลงานที่สำคัญ ครอบคลุมและน่ายกย่องในกระบวนการฟันฝ่าความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

บนเส้นทางปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาในตลอดวาระของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯสมัยที่ 13 ให้ประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายมากมาย แต่จิตใจแห่งเอกราชและเสรีภาพของปฏิญญาเอกราชเมื่อ 78 ปีก่อนจะเป็นเข็มทิศนำทางให้แก่ประชาชนเวียดนาม สร้างเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้เวียดนามบรรลุเป้าหมายใหม่บนเส้นทางแห่งการพัฒนาประเทศต่อไป.