( VOVworld ) - ท่านผู้ฟังคะ ประเด็นสำคัญที่ที่ประชุมครั้งที่ ๖ คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ ๑๑ ได้หยิบยกขึ้นมาหารือเมื่อเร็วๆนี้คือ การปฏิรูปการศึกษาและฝึกอบรม  ทำไมเราต้องปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปนั้นคือการทำใหม่ทั้งหมดหรือปฏิเสธการศึกษาปัจจุบัน และการปฏิรูปจะเดินไปในทิศทางไหน คำถามทั้งหมดนี้มีคำตอบอยู่ในบทความ ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาในเวียดนาม ของท่านหวูห่าย สมาชิกรัฐสภาและรองประธานสถานีวิทยุเวียดนาม

การศึกษาระดับสามัญศึกษา( ภาพจากแฟ้ม )

ภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้ประสบผลสำเร็จที่สำคัญๆส่งผลให้ประเทศมีการพัฒนาและมีฐานะสูงเด่นบนเวทีโลก รวมทั้งการศึกษาก็ได้รับความสำเร็จเป็นที่น่ายินดี ทั้งนี้ได้รับความชื่นชมจากประชาชนและเพื่อนมิตรต่างประเทศ  อย่างไรก็ดี การศึกษาของประเทศโดยรวมยังมีปัญหาหลายประเด็นที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นในด้านคุณภาพที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศและยังไม่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ความมั่นใจในตัวเองและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน  นี่มิใช่ครั้งแรกที่พรรคและรัฐมีนโยบายปฏิรูปการศึกษาและฝึกอบรม  โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๑๙๔๕ หรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามในปัจจุบัน เราได้ทำการปฏิรูปการศึกษา ๔ ครั้งในปี ๑๙๕๐ ๑๙๕๖ ๑๙๗๙ และปี ๑๙๘๖ ส่งผลให้การศึกษาของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์  อย่างไรก็ดี สำหรับครั้งนี้ เราต้องประเมินสถานการณ์การศึกษาของประเทศ ความสำเร็จ ข้อจำกัด ต้นเหตุต่างๆเพื่อเสนอทัศนะและหลักการในการปฏิบัติ เป้มหมายรวม ขั้นตอนการปฏิบัติและประเด็นที่ต้องแก้ไขก่อนที่จะทำการปฏิรูปการศึกษา  ซึ่งเราได้มีแนวทางและนโยบายเกี่ยวกับการศึกษาและฝึกอบรมหลายฉบับไม่ว่าจะเป็นประกาศของการประชุมครั้งที่ ๖ คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ ๑๑  มติของการประชุมครั้งที่ ๒ คณะกรรมการกลางพรรคสมัยที่ ๘และประกาศข้อสรุปของกรมการเมืองเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๐๐๙  เกี่ยวกับการศึกษาที่ยังมีผลบังคับใช้  ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า พรรคและรัฐให้ความสนใจต่อการศึกษาโดยระบุเป็นนโยบายระดับชาติ  พัฒนาการศึกษาก่อนด้านอื่นๆ การลงทุนให้แก่การศึกษาหมายความว่าลงทุนเพื่อการพัฒนาและการศึกษาเป็นภารกิจของพรรค รัฐและประชาชนทุกคน

ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปการศึกษาในครั้งนี้ต้องปฏิบัติอย่างเป็นระบบพร้อมๆกันในทุกภาคส่วน ต้องวางขั้นตอนการปฏิรูปอย่างเหมาะสมที่มีลักษณะสืบทอดและพัฒนา โดยต้องปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา  ซึ่งนักวิชาการบางท่านให้ความคิดเห็นว่า หลักสูตรการเรียนในระบบสามัญศึกษา ๑๒ ปียังหนักและเปลืองทรัพย์สินของทั้งประชาชนและสังคมโดยเปล่าประโยชน์  ยังมีบางท่านได้เสนอให้ลดเวลาการศึกษาระดับสามัญศึกษาลงเหลือ ๑๐ ปีหรือ ๙ ปี เพื่อคัดเลือกนักเรียนหัวกระทิให้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนที่เหลือเรียนในระดับอาชีวะ  หรือมีบางข้อเสนอให้การศึกษาและผลิตบุคลากรตามความต้องการของสังคม โดยเฉพาะเน้นการสั่งสอนด้านบุคลิก  ตลอดระยะเวลา ๓๐ ปีที่ผ่านมา ประเทศได้มีการปรับปรุงการศึกษาในบางด้าน แต่เป็นการปรับปรุงเฉพาะส่วนไม่มีการมองในภาพรวมและขาดความความเป็นระบบ ซึ่งเห็นได้ชัดคือการปรับปรุงการเขียนตัวหนังสือ ซึ่งผลปรากฏคือ ได้ผลิตคนที่เขียนหวัด ไม่รู้จักเขียนบรรจง  ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบันต้องดำเนินในทุกด้าน โดยเน้นการสอนการเขียนตัวหนังสือให้บรรจง และสอนคนเพื่อให้มีบุคคลิกที่ดี พัฒนาทักษะความสามารถและในภาคปฏิบัติ  มีการเปลี่ยนการศึกษาแบบเน้นในด้านวุฒิบัตรเป็นหลักหันมาเป็นการศึกษาที่คล่องตัวและเน้นทางปฏิบัติมากกว่าเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม ซึ่งเป็นการศึกษาระบบเปิด มีความคล่องตัวเพื่อนำไปสู่สังคมแห่งความเรียนรู้  หากทำได้เช่นนี้ เราต้องปรับปรุงระเบียบกลไกและนโยบายที่มีต่อครูอาจารย์และผู้บริหารด้านการศึกษา 

การปฏิรูปการศึกษาและฝึกอบรมต้องปฏิบัติพร้อมๆกับการปรับปรุงระเบียบการบริหารการศึกษาและฝึกอบรม คุณภาพการวิจัยการศึกษา ระเบียบกลไกการลงทุนและการเงินเพื่อระดมแหล่งพลังต่างๆให้แก่การศึกษาและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน  อีกทั้งต้องมีความผูกพันกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเสริมสร้างการป้องกันประเทศและความมั่นคงตลอดจนความต้องการบุคลากร  ทั้งนี้จะเป็นการเอื้อโอกาสให้แก่ผู้เข้าร่วมการศึกษาและฝึกอบรมให้มีความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาให้สอดคล้องกับความสามารถและความประสงค์ของตน อันเป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาสังคม ./.