ในบทความ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามฝามบิ่งมิงห์ยืนยันว่า บรรดาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เดินบนเส้นทางที่ยาวนานเพื่อสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนโดยมีคุณค่าหลักคือความสามัคคีและความเป็นเอกฉันท์และเอกภาพในความหลากหลาย แต่อุปสรรคของกระบวนการนี้คือช่องว่างการพัฒนาระหว่างบรรดาประเทศสมาชิก โดยเฉพาะระหว่าง 4 ประเทศคือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนามหรือกลุ่มซีแอลเอ็มวีกับ 6 ประเทศที่เหลือของอาเซียน

ด้วยเป้าหมายลดช่องว่างการพัฒนาและผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระบวนการพัฒนาภูมิภาคของบรรดาประเทศซีแอลเอ็มวี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนปี 2004 ผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนามได้จัดการประชุมระดับสูงซีแอลเอ็มวีครั้งแรก ณ ประเทศลาว และมีการออกปฏิญญาเวียงจันทน์เกี่ยวกับการขยายความร่วมมือและการผสมผสานด้านเศรษฐกิจระหว่างบรรดาประเทศซีแอลเอ็มวี ตลอดจนยืนยันถึงความตั้งใจร่วมมือของ 4 ประเทศเพื่อเป้าหมายร่วมกันและเรียกร้องให้หุ้นส่วนพัฒนาและองค์กรระหว่างประเทศให้การช่วยเหลือเพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางสังคมในเขตแม่น้ำโขง ซึ่งบรรดาประเทศส่วนใหญ่ได้เลือกด้านการค้า การลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรม การคมนาคม การท่องเที่ยวและการพัฒนาแหล่งบุคลากรเพื่อส่งเสริมความร่วมมือ

นอกจากนี้ 5 ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไทยและเวียดนามได้สถาปนากลไกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขงหรือACMECS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ตลอดจนเน้นถึง 8 ด้านที่จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ประกอบด้วย การค้า การลงทุน การเกษตร อุตสาหกรรม พลังงาน คมนาคม การท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งบุคลากร สาธารณสุขและปัญหาสิ่งแวดล้อม

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศฝามบิ่งมิงย้ำว่า หลัง 13 ปีที่ดำเนินงาน ความร่วมมือซีแอลเอ็มวีและACMECS ได้ประสบผลสำเร็จที่น่ายินดี ซึ่งมีส่วนร่วมเสริมสร้างบรรยากาศสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างบรรดาประเทศในภูมิภาคแม่น้ำโขง ลดช่องว่างการพัฒนาในกลุ่มอาเซียน การปรับปรุงระบบเศรษฐกิจอย่างกว้างลึกพร้อมกับความพยายามเปิดการค้าเสรีและอำนวยความสะดวกให้แก่การค้าและการลงทุนได้ช่วยพัฒนาภูมิภาคแม่น้ำโขงเป็นภูมิภาคที่คล่องตัวและเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้แก่การขยายตัวของอาเซียน

ในฐานะเป็นประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมอย่างเข้มแข็งและมีความรับผิดชอบ เวียดนามได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อความร่วมมือในกรอบซีแอลเอ็มวีและ ACMECS จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นประตูทางทิศตะวันออกของเขตอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง เวียดนามเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถขาดได้ในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตกและระเบียงเศรษฐกิจทางทิศใต้ เวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการเสนอและปฏิบัติความคิดริเริ่มต่างๆเพื่อมีส่วนร่วมต่อการร่างเอกสารที่สำคัญๆ จัดทำและผลักดันการปฏิบัติความคิดริเริ่มต่างๆ ที่สนับสนุนการพัฒนาของบรรดาประเทศสมาชิก รวมทั้งการพัฒนาแหล่งบุคลากรและการสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐาน

สำหรับความร่วมมือซีแอลเอ็มวี เวียดนามได้สร้างสรรค์กองทุนซีแอลเอ็มวี โดยในแต่ละปีเวียดนามได้มอบทุนการศึกษานับสิบทุนให้แก่ประเทศกัมพูชา ลาวและเมียนมาร์ ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากประเทศเหล่านี้และได้รับการเรียกร้องให้ขยายผลต่อไปในช่วงปี 2016-2020 ในกรอบความร่วมมือซีแอลเอ็มวีและ ACMECS เวียดนามเป็นผู้ประสานความร่วมมือเชิงวิชาการและปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อผลักดันความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่าง 5 ประเทศสมาชิก

นอกจากนี้ เวียดนามยังผลักดันกิจกรรมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและบริหารจัดการแหล่งน้ำเพื่อสามารถใช้แหล่งน้ำจากแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน เวียดนามเป็นประเทศแรกที่เสนอความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มปฏิบัติงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในกรอบของACMECS และกำลังเป็นประธานร่วมในกลุ่มปฏิบัติงานนี้

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามฝามบิ่งมิงห์ได้ยืนยันว่า การประชุมระดับสูงซีแอลเอ็มวีและ ACMECS ครั้งนี้จะจัดขึ้น ณ กรุงฮานอยภายใต้หัวข้อ “มุ่งสู่เขตอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงที่คล่องตัวและเจริญรุ่งเรือง ใช้โอกาสและกำหนดอนาคต” จะเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือภายในภูมิภาคแม่น้ำโขง เพื่อมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อการพัฒนาอย่างเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค โอกาสนี้ ตามความคิดริเริ่มของเวียดนาม ฟอรั่มเศรษฐกิจโลกเกี่ยวกับแม่น้ำโขงจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพของภูมิภาคแม่น้ำโขงต่อชมรมผู้ประกอบการระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเสนอความคิดสร้างสรรค์และโอกาสความร่วมมือใหม่ๆระหว่างเครือบริษัทชั้นนำของโลกและสถานประกอบการที่มีชื่อเสียงของภูมิภาค เพื่อมีส่วนร่วมดึงดูดแหล่งเงินทุนให้แก่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งบุคลากรและขยายความเชื่อมโยงในภูมิภาคแม่น้ำโขง.