ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐมุ่งสู่อนาคต

(VOVworld) – การเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามในระหว่างวันที่๒๔ถึงวันที่๒๖กรกฎาคมถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญและเป็นนิมิตรหมายแห่งพัฒนาการใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ นี่เป็นการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการครั้งที่๒ของประมุขเวียดนามในรอบเกือบ๒๐ปีที่ผ่านมา ในโอกาสนี้ ทางผู้จัดทำรายการขอเสนอบทวิเคราะห์เรื่อง“ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐมุ่งสู่อนาคต”

(VOVworld) – การเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามในระหว่างวันที่๒๔ถึงวันที่๒๖กรกฎาคมถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญและเป็นนิมิตรหมายแห่งพัฒนาการใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ นี่เป็นการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการครั้งที่๒ของประมุขเวียดนามในรอบเกือบ๒๐ปีที่ผ่านมา ในโอกาสนี้ ทางผู้จัดทำรายการขอเสนอบทวิเคราะห์เรื่อง“ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐมุ่งสู่อนาคต”

ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐมุ่งสู่อนาคต - ảnh 1
เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามDavid Shear ต้อนรับประธานเจืองเติ้นซางที่สนามบินทหารAndrewในวอชิงตันD.C (Photo:TTX)

เมื่อ๑๘ปีก่อน วันที่๑๒กรกฎาคมปี๑๙๙๕ นายบิน คลินตันประธานาธิบดีสหรัฐและท่านหวอวันเกียรตินายกรัฐมนตรีเวียดนามได้แถลงปรับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นปกติซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน จากเจตนารมณ์“ปิดฉากในอดีต มุ่งสู่อนาคต” ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ได้มีก้าวเดินที่ยาวไกลบนเส้นทางแห่งความร่วมมือ ท่านเหงวียนก๊วกเกื่องเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐกล่าวว่า“ในเกือบ๒ทศวรรษ นับตั้งแต่ปรับความสัมพันธ์เป็นปกติ ทั้งสองฝ่ายได้วางรากฐานที่มั่นคงโดยมีระเบียบการร่วมมือที่มีเสถียรภาพให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี การเยือนซึ่งกันและกันและการพบปะระดับสูงนอกรอบการประชุมระดับนานาชาติได้มีส่วนร่วมธำรงความสัมพันธ์ ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศได้วางระเบียบการสนทนาเกี่ยวกับการเมือง ความมั่นคง การป้องกันประเทศ เศรษฐกิจ และเกี่ยวกับความมั่นคง และการพัฒนาของเอเชียแปซิฟิก๑๐ประการ”  ควบคู่กับความสัมพันธ์ทางการเมืองอันดีงาม และความไว้วางใจกัน ความสัมพันธ์ร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าก็พัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะ นับตั้งแต่ข้อตกลงการค้าทวิภาคีเวียดนามสหรัฐหรือBTAมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี๒๐๐๑ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจากกว่า๔๐๐ล้านเหรียญสหรัฐในปี๑๙๙๕ ได้เพิ่มขึ้น๓๐เท่าในปี๒๐๐๙คือ๑หมื่น๕พัน๖ร้อยล้านเหรียญสหรัฐและปัจจุบันอยู่ที่ประมาณกว่า๒หมื่น๕พันล้านเหรียญสหรัฐ ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ฝึกอบรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะ ความร่วมมือในการแก้ไขผลเสียหายจากสงครามได้รับความสนใจจากทั้งสองฝ่ายโดยทั้งสองฝ่ายได้พยายามปฏิบัติจึงประสบผลสำเร็จมากมาย นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือและประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างสองประเทศในฟอรั่มภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะ ฟอรั่มเศรษฐกิจเอเชีย แปซิฟิกหรือAPEC  ฟอรั่มความมั่นคงเอเชียหรือARF การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกหรือEAS  การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอาเซียนบวกหรือADMM+  ผลงานดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าส่งเสริมแต่ก็เป็นเพียงผลงานเบื้องต้น ในสภาวการณ์ที่เวียดนามตั้งเป้าไว้ว่า จะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยภายในปี๒๐๒๐ สหรัฐถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาค ทั้งเวียดนามและสหรัฐกำลังพยายามสร้างสรรค์และเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนมิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้าน ดังนั้นการเยือนสหรัฐของประธานเจืองเติ้นซางครั้งนี้ก็เพื่อวางแนวทางความร่วมมือใหม่ หนึ่งในปัญหาที่สำคัญของความร่วมมือนั่นคือผลักดันการเจรจาข้อตกลงการลงทุนทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ ผลักดันข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือTPPซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่เปี่ยมไปด้วยความหวังโดยมีกว่า๑๐ประเทศสมาชิกในแปซิฟิกเข้าร่วม ท่านเหงวียนก๊วกเกื่องเผยว่า“ทั้งสองประเทศกำลังเข้าร่วมการเจรจาTPPกับอีก๑๐ประเทศและถ้าได้รับการลงนามในปลายปีนี้ตามคำมั่นของบรรดาผู้นำ TPPจะเปิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้แก่ความร่วมมือระหว่างสองประเทศในตลาดที่กว้างใหญ่โดยมีประชากร๘๐๐ล้านคนและมีGDPคิดเป็นร้อยละ๔๐ของGDPโลก”  ในการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ท่านเจืองเติ้นซางจะมีการเจรจากับท่านบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐเกี่ยวกับแนวทางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ พบปะกับตัวแทนของทางการ รัฐสภา องค์การระหว่างประเทศต่างๆ  ผู้ที่อยู่ในวงการวิทยากร นักธุรกิจอเมริกันและชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐเพื่อขยายความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในหลายด้าน ตลอดจนปัญหาที่ยังมีความแตกต่างในทัศนะเกี่ยวกับประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และศาสนา  ในตลอด๑๘ปีที่เวียดนามและสหรัฐได้เดินบนเส้นทางที่ยาวไกลในการสมานแผลสงครามและสร้างกรอบความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและยาวนาน การเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของประธานเจืองเติ้นซางจึงเป็นการปฏิบัติแนวทางต่างประเทศที่เป็นอิสระ  มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบและหลายฝ่าย พึ่งพาตนเองและผสมผสานเข้ากับกระแสโลก เวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐอยู่เสมอและจะพัฒนาความร่วมมือกับสหรัฐบนหลักการให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย ไม่แทรกแซงกิจการภายในของกัน มีความเสมอภาคและประสานผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน การเยือนนี้จะเป็นนิมิตรหมายสำคัญ เพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ต่อไป ./.

Huyền -Nhật Quỳnh ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด