ความสามัคคีคือพลังที่เข้มแข็ง

(VOVworld) –  ดังที่เราได้เสนอข่าวไปแล้ว ภายหลังกิจกรรมการทูตแบบลูกกระสวยของนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียโดยเฉพาะการประชุมทาบทามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์และกัมพูชา เมื่อวันที่๒๐ที่ผ่านมา บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้เห็นพ้องอนุมัติหลักการ๖ข้อของอาเซียนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออกซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ได้สร้างพลังที่เข้มแข็งให้แก่องค์กรระดับภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก

(VOVworld) – ดังที่เราได้เสนอข่าวไปแล้ว ภายหลังกิจกรรมการทูตแบบลูกกระสวยของนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียโดยเฉพาะการประชุมทาบทามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์และกัมพูชา เมื่อวันที่๒๐ที่ผ่านมา บรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนได้เห็นพ้องอนุมัติหลักการ๖ข้อของอาเซียนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออกซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ได้สร้างพลังที่เข้มแข็งให้แก่องค์กรระดับภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก 

ความสามัคคีคือพลังที่เข้มแข็ง - ảnh 1
ท่านฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาได้ประกาศหลักการ๖ข้อของอาเซียนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก(Photo:Internet)

(VOVworld) – อาจยืนยันได้ว่า สันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและ ความปอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออกเป็นความสนใจร่วมของประเทศอาเซียนและประเทศต่างๆในภูมิภาคและโลกและปัญหาทะเลตะวันออกไม่ใช่เเป็นปัญหาทวิภาคีของประเทศอาเซียนบางประเทศกับจีนเท่านั้นซึ่งจากการตระหนักได้ดีถึงสิ่งนี้ นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียได้มีกิจกรรมการทูตแบบลูกกระสวยในประเทศอาเซียนในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อโน้มน้าวจูงใจให้ประเทศสมาชิกอาเซียนสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมของอาเซียนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่างชาติ ณ กรุงพนมเปญ เมื่อบ่ายวันที่๒๐เดือนนี้ ในฐานะประธานอาเซียน ท่านฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาได้ประกาศหลักการ๖ข้อของอาเซียนเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออกโดยยืนยันอีกครั้งถึงพันธกรณีของประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีต่อหลักการ๖ข้อคือ ปฏิบัติแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างเคร่งครัดและการแนะนำการปฏิบัติดีโอซี เสร็จสิ้นการร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว ให้ความเคารพหลักการที่ระบุในกฏหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลปี1982หรือ UNCLOS ทุกฝ่ายต้องมีความอดกลั้นและไม่ใช้กำลังต่อไปและแก้ไขการพิพาทอย่างสันติตามหลักการของกฏหมายสากลรวมทั้งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลปี1982 ท่านฮอ นัมฮงยืนยันว่า “บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีความตั้งใจที่จะขยายการประชุมทาบทามในอาเซียนเพื่อผลักดันมาตรการที่ได้ระบุในหลักการให้สอดคล้องกับสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมืออาเซียนปี๑๙๗๖และกฏบัตรอาเซียนปี๒๐๐๘”      

ความสามัคคีคือพลังที่เข้มแข็ง - ảnh 2
นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียกับ ท่านฮอ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา(Photo:Internet)

         การประกาศหลักการ๖ข้อดังกล่าวของกัมพูชา ประธานอาเซียนได้ทำให้ความสังสัยเกี่ยวกับข้อขัดแย้งในด้านทัศนะระหว่างประเทศอาเซียนในปัญหาทะเลตะวันออกที่ได้เสนอในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหรือเอเอ็มเอ็ม๔๕ที่ได้เสร็จสิ้นลง ณ กรุงพนมเปญ เมื่อ๑สัปดาห์ก่อนโดยไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมได้หายไป การอนุมัติหลักการ๖ข้อดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า อาเซียนยังคงมีความสามัคคี ความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และจะส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางของตนในปัญหาที่ร้อนระอุในภูมิภาค รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออกต่อไป อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของทั้ง๑๐ประเทศอาเซียนในปัญหาทะเลตะวันออก สร้างพื้นฐานเพื่อให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความเคารพ ปฏิบัติตามกฏหมายสากลในการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกและยืนยันว่า พฤติกรรมที่ละเมิดหลักการนี้จะส่งผลกระทบในทางลบต่อาเซียน ข้อสำคัญต่างๆของหลักการ๖ข้อดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้ว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนจะมีความแตกต่างในเบื้องต้นแต่สุดท้ายทุกประเทศต่างตั้งผลประโยชน์ร่วมของอาเซียนเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อแสวงหาเสียงเดียวกันต่อปัญหาที่ซับซ้อนและอ่อนไหว ซึ่งก็เป็นจุดยืนที่เสมอต้นเสมอของเวียดนาม เวียดนามยืนยันอยู่เสมอว่า ผลประโยชน์แห่งชาติไม่อาจแยกออกจากผลประโยชน์ของภูมิภาคได้ซึ่งไม่เพียงแต่ประเทศริมฝั่งทะลที่มีความเกี่ยวข้องเท่านั้นหากทุกประเทศสมาชิกอาเซียนต้องขยายการแบ่งเบาความรับผิดชอบในการผดุงรักษาสันติภาพในทะเลตะวันออก นายPhạm Quang Vinh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวว่า “ประเด็นที่๑คือ ต้องปฏิบัติตามกฏหมายสากล รวมไปถึงการเคารพอธิปไตยและเอกราชของชาติ แก้ไขการพิพาทอย่างสันติและไม่ใช้กำลัง ประเด็นที่๒คือ อาเซียนต้องผลักดันและส่งเสริมบทบาทของกลไกและฟอรั่มที่เกี่ยวข้องในด้านการเมือง ความมั่นคง ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของภูมิภาค เช่น สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน ภูมิภาคที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีและฟอรั่มต่างๆของอาเซียนซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น” ไม่มีสมาชิกอาเซียนใดเป็นประเทศมหาอำนาจระดับโลกแต่เมื่อทุกสมาชิกสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อาเซียนก็มีพลังที่เข้มแข็งและได้รับความสนใจจากทุกประเทศมหาอำนาจในโลก อาเซียนจะมีบทบาทเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคถ้าหากมีความสามัคคีและมีเอกภาพ ดังนั้นการอนุมัติหลักการ๖ข้อดังกล่าวถือเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า พลังที่เข้มแข็งของอาเซียนคือความสามัคคีและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ซึ่งมีส่วนร่วมในการปฏิบัติเป้าหมายการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนในปี๒๐๑๕./.

Ánh  Huyền VOV5



ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด