เหลืออีกไม่ถึง 16 เดือน ประธานาธิบดีบารัก โอบามาจะหมดวาระการเป็นผู้นำประเทศสหรัฐในสองวาระที่เต็มไปด้วยความลำบากและความท้าทายต่างๆ จนบางครั้ง หลายฝ่ายคิดว่าจะไม่สามารถฟันฝ่าไปได้ อย่างเช่น รัฐบาลกลางสหรัฐต้องปิดทำการ เป็นต้น แต่นายบารัก โอบามายังคงยืนหยัดทัศนะของตนตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งด้วยนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศที่คล่องตัว หลังการดำรงตำแหน่งเกือบ 2 วาระ ความสำเร็จที่ถือเป็นนิมิตรหมายที่ยิ่งใหญ่ของประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐคือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและรักษาสถานะประเทศมหาอำนาจชั้นนำของโลก

นับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่งในวาระที่ 2 นายโอบามาได้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและปรับปรุงสังคม โดยเน้นพลังทุกแหล่งเพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศและลดค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของนายบารัก โอบามาในวาระที่ 2 นี้คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่การพัฒนาปกติ สถิติล่าสุดปรากฎว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้บรรลุร้อยละ 3.7 ในไตรมาสที่สอง อัตราคนว่างงานลดลงเหลือเพียงร้อยละ 5.1 และภาวะเงินเฟ้อลดลง ในการปรับปรุงด้านสังคม ได้มีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายสำหรับผู้อพยพ การสร้างงานทำให้แก่เยาวชนและการประกันสุขภาพ โดยเฉพาะคือกฎหมายปฏิรูปหลักประกันสุขภาพหรือโอบามาแคร์ ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในด้านนี้ของสหรัฐนับตั้งแต่ปี 1965 เพื่อเปิดโอกาสเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขให้แก่คนที่มีรายได้น้อย

สำหรับนโยบายการต่างประเทศของนายโอบามานั้นมีความแตกต่างจากนโยบายของประธานาธิบดีคนก่อนที่มักจะประกาศนโยบายที่แสดงออกถึงแสนยานุภาพของสหรัฐเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงโลก ในวาระที่ 2 นี้นายบารักโอบามาได้แสดงทัศนะที่ตรงไปตรงมาว่า สหรัฐต้องหันกลับไปแก้ไขปัญหาในประเทศแทนการแสดงออกถึงความแข็งแกร่งที่มากเกินไปเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆของโลก ดังนั้นการยุติสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานที่สิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างสูงนั้นได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆจากนายบารัก โอบามา ยิ่งไปกว่านั้น การบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งประวัติศาสตร์กับอิหร่านก็ถือเป็นความสำเร็จอีกอย่างหนึ่งของนายบารัก โอบามา ซึ่งเปิดระยะแห่งความร่วมมือใหม่กับประเทศอิหร่านที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรน้ำมันดิบ พร้อมทั้งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ความพยายามแสวงหามาตรการแก้ไขทางการทูตตามแนวทาง “การเจรจาดีกว่าการสู้รบ” ที่เริ่มใช้นับตั้งแต่นายโอบามาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวถือเป็นมาตรการที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องสนใจว่า จะลำบากยากเข็ญแค่ไหนและต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านการเมืองมากมาย

ผลสำเร็จที่ทิ้งไว้หลังจากออกจากทำเนียบขาว (Photo Reuters)

การ “ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติกับคิวบา” ก็ถือเป็นก้าวเดินต่อไปในความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของนายบารัก โอบามาในนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งช่วยเพิ่มคะแนนความนิยมให้แก่ประธานาธิบดีที่มาจากพรรคเดโมแครตในวาระที่ 2 นี้ แม้จะถูกกล่าวหาและตำหนิว่า ได้ผ่อนปรนต่อคิวบามากเกินไปแต่ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐก็ยังคงมองข้ามคำติติงดังกล่าวเพื่อรักษาแนวทางนโยบายการต่างประเทศของตนและเขาได้ประสบความสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับคิวบาที่ถูกระงับในตลอดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐรวม 8 ท่านได้รับการแก้ไขแล้ว การที่ทั้งสองฝ่ายได้เปิดสถานทูตถือเป็นมรดกนายบารัก โอบามาทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะออกจากทำเนียบขาว

นอกจากนี้ นายบารัก โอบามายังคงประสบความสำเร็จต่างๆที่สำคัญในด้านการต่างประเทศ เช่น การมอบอำนาจการเจรจาอย่างรวดเร็วให้แก่ประธานาธิบดีเพื่อมุ่งสู่การลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพี ความพยายามในยุทธนาการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรของสหรัฐและปรับความสัมพันธ์กับโลกอิสลามให้ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และในระยะสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นายบารัก โอบามาสามารถปฏิบัติคำมั่นต่างๆของตนเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งได้แล้วเนื่องจากยืนหยัดนโยบายพร้อมที่จะเจรจา แม้กระทั่งกับผู้ที่มีทัศนะที่แตกต่างกับตนเองและเผชิญหน้ากับสหรัฐ
ผลสำเร็จที่ทิ้งไว้หลังจากออกจากทำเนียบขาว

จนถึงขณะนี้ ยังคงมีความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับผลงานจากนโยบายของนายบารัก โอบามาแต่ทุกคนต้องยอมรับว่า นโยบายการทูตนี้ได้นำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่รัฐบาลสหรัฐ ประธานาธิบดีบารัก โอบามาได้มีส่วนร่วมไม่น้อยเพื่อช่วยให้สหรัฐรักษาสถานะการเป็นผู้นำของโลกต่อไป รักษาภาพลักษณ์เกี่ยวกับประเทศมหาอำนาจที่สำคัญและร่ำรวยที่สุดของโลก ผลสำเร็จเหล่านี้ถือว่าเป็นมรดกที่นายโอบามาทิ้งไว้ให้หลังการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสองวาระ.