ความหมายสำคัญของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกเมื่อปี1946

ในความทรงจำของชาวเวียดนาม วันที่6มกราคมปี1946 ซึ่งเป็นวันที่มีความหมายสำคัญพิเศษ วันจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประชาชาติเวียดนาม  สถาปนารัฐสภาชุดแรกของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม.
   
ความหมายสำคัญของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกเมื่อปี1946 - ảnh 1
คณะผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งรัฐสภาครั้งแรก
ภาพจากเว็บไซต์รัฐบาล

    นักประวัติศาสตร์Dương Trung Quốc ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดĐồng Naiได้อภิปรายเกี่ยวกับความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งแรกโดยเฉพาะบทบาทของประธานโฮจิมินห์ต่อรัฐสภาเวียดนามว่า การลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคมปี๑๙๔๕ของเวียดนามได้โค่นล้มระบอบ นักล่าเมืองขึ้นและระบอบศักดินาที่สืบทอดมานับพันปีแต่สิ่งที่ยากลำบากที่ สุดของการปฏิวัติก็คือสร้างสิ่งใหม่ๆบนพื้นฐานของระบอบเก่าที่ต้องอาศัย กระบวนการเตรียมพร้อมครั้งใหญ่ทั้งด้านแนวความคิดและทฤษฎีซึ่งมีประธานโฮจิ มินห์เป็นผู้นำหน้าโดยประสบการณ์ที่ท่านสั่งสมจากการออกเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อแสวงหาหนทางกู้ชาติมากกว่า๒๐ปีและสามารถเข้าถึงกระแสการเมืองและขบวน การปฏิวัติโลกได้ช่วยให้ท่านเลือกการสร้างสรรค์รัฐที่ปกครองด้วยอำนาจกฏหมาย ซึ่งเป็นระบอบการ เมืองที่ทันสมัย“นี่คือระบอบการเมืองที่มีความก้าวหน้าที่สุดเพราะพวกเราได้ สถาปนารัฐบนพื้นฐานของประชาธิปไตย  สงครามโลกยุติลงเมื่อปี๑๙๔๕แต่ในขณะนั้นไม่ใช่ว่าประเทศไหนๆก็จะจัดการเลือก ตั้งได้หรือแม้กระทั่งประเทศที่พัฒนาในยุโรปหลายประเทศก็ยังไม่มีการพัฒนา สิทธิความเสมอภาคทางเพศ การยอมรับความแตกต่างในด้านชาติพันธุ์หรือศาสนาเป็นต้นซึ่งเพียงมีเวียดนาม เท่านั้นที่ปฏิบัติโดยเริ่มจากการสถาปนารัฐที่ปกครองด้วยอำนาจกฏหมาย”
    ถึงแม้ว่าศัตรูจะหาทุกวิธีทางเพื่อโค่นล้มรัฐที่เยาว์วัยนี้แต่ด้วยความอด ทนและความมั่นใจอย่างแน่วแน่ในการนำของพรรค เมื่อวัน ที่๖มกราคมปี๑๙๔๖ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในทั่วประเทศกว่าร้อยละ๘๙ได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สมาชิกรัฐสภาสมัยที่๑รวม๓๓๓นายซึ่งเป็นนิมิตหมายสำคัญของความก้าวหน้าด้าน ประชาธิปไตยในประเทศเวียดนามและเปิดยุคใหม่ของประเทศเวียดนามที่มีรัฐสภา รัฐบาลและทางการที่สมบูรณ์แบบตามนิตินัยซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งภายใน และต่างประเทศ พลโทĐồng Sĩ Nguyên กล่าวว่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัฐสภาสมัยที่๑คือ การชุบชีวิตใหม่ประเทศหลังจากที่ต้องตกเป็นทาสและเป็นเมืองขึ้นให้ประชาชน เวียดนามได้กลายเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ทำการช่วงชิงอำนาจรัฐ เอกราชและเสรีภาพมาให้แก่ประชาชาติ“รัฐสภาสมัยที่๑ได้ระดมพลังเข้มแข็งของ ปวงชนเข้าร่วมการต่อสู้กู้ชาติเพื่อช่วงชิงเอกราชและเสรีภาพมาให้แก่ประชา ชาติ  ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการประชุมและมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จากส่วนกลางถึงภูมิภาค จากตัวเมืองถึงชนบทโดยไม่จำแนกชนชาติและศาสนาร่วมกันทำการต่อสู้กู้ชาติ  ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐสภาได้ปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างลุล่วงไปด้วยดีและร่วมกับประชาชนทำ การต่อต้านนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสจนประสบผลสำเร็จ”
ความหมายสำคัญของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกเมื่อปี1946 - ảnh 2
การประชุมรัฐสภาสมัยที่1 หลังการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 6-1-1946
ณ โรงละครใหญ่ฮานอย
 ภาพจากเว็บไซต์รัฐบาล

    ผู้แทนกว่า๖๐คนซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ องค์การมวลชนกู้ชาติ ชนชาติ ศาสนา รวมทั้งผู้แทนจากภาคใต้ ภาคกลางตอนใต้ และชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยและลาวได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาซึ่ง เป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติและได้มีความเห็นพ้อง เป็นเอกฉันท์ที่จะทำการ“ระดมพลังที่เข้มแข็งของตัวเองเพื่อปลดปล่อยตนเอง”ใน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดหนึ่งไม่มีสองในรอบพันปี นี่เป็นการประชุมสมัชชาที่มีความ สำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัฐสภาเวียดนามซึ่งเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุด ๖๖ปีได้ผ่านพ้นไปนับตั้งแต่วันเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก ผู้แทนรัฐสภาสมัยต่างๆได้สืบสานและพัฒนาดอกผลของรัฐสภาเช่นนางMùa Thị Mỷซึ่งเป็นผู้แทนรัฐสภาสมัยที่๙และ๑๐จังหวัดSơn Laยังคงเข้าร่วมงานด้านสังคม ในโอกาสรำลึกวันเลือกตั้งทั่วไปถือเป็นช่วงเวลาเพื่อให้เธอหวนคิดถึงผู้แทน รัฐสภาสมัยก่อนๆ เธอกล่าวว่า “ดิฉันท์มีความเคารพและศรัทธาต่อผู้แทนรัฐสภาสมัยก่อนๆมากโดยเฉพาะผู้แทน รัฐสภาสมัยที่๑ที่ถึงแม้จะเป็นช่วงภาวะสงครามแต่บรรดาผู้แทนก็ได้ฟันฝ่า อุปสรรคทั้งปวงเพื่อสร้างสรรค์สังคมนิยมในภาคเหนือและให้ความช่วยเหลือแก่ แนวหน้าในภาคใต้เวียดนามในการต่อสู้เพื่อรวมประเทศเป็นเอกภาพ พวกเราเป็นผู้แทนรัฐสภาในยามที่ประเทศมีสันติและเอกภาพ พวกเราจะรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนแก้ปัญหาความยากจน พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมให้ลูกหลานไปโรงเรียน”
ความหมายสำคัญของการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกเมื่อปี1946 - ảnh 3
การประชุมรัฐสภาเวียดนามสมัยที่13

     รัฐสภาสมัยที่๑๓จะระดมสติปัญญาความสามารถเพื่อผลักดันงานด้านนิติบัญญัติ จำนวนเอกสารกฏหมายที่ประกาศใช้ในการประชุมแต่ละครั้งนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทัศนะและแนวทางของ พรรคคอมมิวนิสต์ ตอบสนองความต้องการในทางเป็นจริง และสร้างพื้นฐานทางนิตินัยให้แก่การพัฒนาประเทศ รัฐสภานับวันยิ่งให้ความสำคัญต่อการพิจารณาและการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของ ประเทศ รวมทั้งการจัดตั้งกลไกของรัฐ ด้านบุคลากร การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและงานด้านต่างประเทศ กิจกรรมตรวจสอบของรัฐสภาได้รับการปรับปรุงทั้งเนื้อหาและวิธีการดำเนินงาน การตั้งและตอบกระทู้ถามในการประชุมรัฐสภานับวันยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นและ ได้รับการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานี โทรทัศน์ บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาและมีความรับผิดชอบระหว่างผู้ตั้งและผู้ตอบกระทู้ถามซึ่งได้รับ การชื่นชมจากประชาชน กิจกรรมของรัฐสภานับวันยิ่งมีประชาธิปไตยมากขึ้น มีส่วนร่วมสร้างสรรค์รัฐสังคมนิยมที่ปกครองด้วยอำนาจกฏหมายเป็นรัฐของ ประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน./.
Thu Hang-VOV5

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด