(VOVworld) - วันที่ 11 เมษายน รัฐสภาสมัยที่ 13 กำลังทำการประชุมครั้งที่ 11 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายก่อนที่จะหมดวาระในวันที่   12 เดือนนี้ จนถึงขณะนี้ สามารถยืนยันได้ว่า รัฐสภาได้เสร็จสิ้นงานด้านบุคลากรแล้ว โดยได้อนุมัติการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆของรัฐ รัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งสร้างความคาดหวังว่า คณะผู้บริหารชุดใหม่ที่มีความคล่องตัวนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งใหม่เพื่อสร้างก้าวกระโดดในภารกิจการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป

ในการประชุมครั้งที่ 11 รัฐสภาได้สงวนเวลา 10 วันเพื่อให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาลงคะแนนเลือกผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ เช่น ประธานรัฐสภา รองประธานรัฐสภา สมาชิกคณะกรรมาธิการสามัญแห่งรัฐสภา ประธานประเทศและนายกรัฐมนตรี อีกทั้งอนุมัติข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี 3 คนและรัฐมนตรี 18 คน
จากคำสาบานตน
นิมิตรหมายสำคัญในงานด้านบุคลากรในหลายวันที่ผ่านมาคือนับเป็นครั้งแรกที่ผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆของรัฐ รัฐบาลและรัฐสภา ได้กล่าวสาบานตนรับตำแหน่งต่อรัฐสภา ประชาชนและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นคำสาบานที่ศักดิ์ศิทธิ์และเป็นการยืนยันถึงความรับผิดชอบและหน้าที่การบริหารประเทศที่ประชาชนได้มอบหมายให้ อีกทั้งสะท้อนให้เห็นถึงคำมั่นที่จะจงรักภักดีต่อรัฐธรรมนูญ ต่อประชาชนและปิตุภูมิ ให้ความเคารพและถือผลประโยชน์ของประเทศและประชาชาติเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอย่างสมเกียรติของประธานรัฐสภา ประธานประเทศและนายกรัฐมนตรีได้เสริมสร้างความไว้วางใจของประชาชนต่อการบริหารประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศและประชาชาติ โดยคำสาบานตนมิใช่เป็นพิธีกรรม หากเป็นคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อรัฐสภาและประชาชน สร้างพื้นฐานสำคัญเพื่อให้ประชาชนปฏิบัติสิทธิการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญๆและช่วยคํ้าประกันบทบาทของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายขั้นพื้นฐานที่มีอำนาจสูงสุด นาย เจิ่นหงอกวิง สมาชิกรัฐสภานครไฮฟองได้เผยว่า“พิธีสาบานตนรับตำแหน่งมีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งนั้นต้องเตือนตัวเองให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสาบานที่ให้ไว้”
ถึงความตั้งใจในการปฏิบัติ
ในการกล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาหลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง บรรดาผู้นำรัฐ รัฐบาลและรัฐสภาได้กล่าวถึงหน้าที่ของตนในวาระใหม่ โดยท่าน เหงวียนถิกิมเงิน ประธานรัฐสภาได้ชี้ชัดว่า ตัวเขาและคณะกรรมาธิการสามัญแห่งรัฐสภาจะปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ซึ่งเป็นองค์การตัวแทนสูงสุดของประชาชนและมีอำนาจของรัฐสูงสุดให้ลุล่วงไปด้วยดี  ส่วนท่าน เจิ่นด่ายกวาง ประธานประเทศได้เผยว่า จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขยายกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของปิตุภูมิ ผลักดันภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศในทุกด้าน ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในเชิงรุกเพื่อยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก ส่วนท่าน เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า จะพยายามสร้างสรรค์รัฐบาลที่เข้มแข็งและทำงานแบบบูรณาการ โดยเน้นการปฏิรูประเบียบราชการ สร้างบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจที่สะดวก พัฒนาประชาธิปไตย ยกระดับประสิทธิภาพของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นและการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย  ส่วนบรรดาสมาชิกรัฐบาลคนอื่นๆที่รัฐสภาอนุมัติก็ได้แสดงความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ใหม่ นาย โด๊ะวันเจี๊ยน รัฐมนตรีและหัวหน้าคณะกรรมการชาติพันธุ์ได้ยืนยันว่า“ผมจะร่วมกับสมาชิกรัฐบาลคนอื่นๆปฏิบัติมติต่างๆของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 โดยเน้นปรับปรุงกลไกและนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา ปฏิบัติโครงการแก้ปัญหาความยากจนและโครงการลงทุนด้านการศึกษา สาธารณสุขและแหล่งบุคลากรเพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา โดยเฉพาะในเขตเขาตะวันตกภาคเหนือ เขตที่ราบสูงเตยเงวียน เขตตะวันตกภาคใต้และเขตริมฝั่งทะเลภาคกลาง”
ส่วนนาย เจิ่นต๊วนแอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้เผยว่า“ใน 8 เดือนที่เหลือของปีนี้ ผมจะร่วมกับบรรดาผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเน้นการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวด้านการผลิตอุตสาหกรรม การค้าและการบริการเพื่อมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม”
เวียดนามกำลังย่างเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาใหม่ การที่บรรดาผู้นำประเทศสามารถตระหนักได้ดีถึงหน้าที่และความตั้งใจอันแน่วแน่ในการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นจะเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อช่วยให้เวียดนามประสบความสำเร็จในภารกิจการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ.