(VOVworld) – เพื่อให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการฟันฝ่าอุปสรรค นอกจากการให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการแก้ไขอุปสรรคด้านเงินทุนและผลักดันการเบิกจ่ายเงินทุนแล้ว รัฐบาลเวียดนามกำลังดำเนินมาตรการต่างๆเกี่ยวกับการยกเว้น ลดและขยายระยะเวลาการชำระภาษีให้แก่สถานประกอบการซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญที่ได้รับการอภิปรายในการประชุมรัฐสภาครั้งที่๓สมัยที่๑๓ เมื่อวันที่๑๒เดือนนี้

รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการ( Photo:Internet)

(VOVworld) – สถานประกอบการไม่เคยประสบอุปสรรคดังเช่นในปัจจุบันซึ่งในไตรมาสแรกของปี๒๐๑๒ การจดทะเบียนจัดตั้งสถานประกอบการลดลงกว่าร้อยละ๑๐ จำนวนสถานประกอบการที่ระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวและประกาศล้มละลายมีสูงถึงเกือบร้อยละ๑๕  มูลค่าการค้าของ๑๕หน่วยงานหลักจากทั้งหมด๒๑หน่วยงานโดยเฉพาะ การค้าส่งและค้าปลีก การก่อสร้าง การผลิตและการบริการลดลงมาก ดังนั้น ผู้แทนรัฐสภาส่วนใหญ่จึงเห็นว่า การประกาศใช้มติว่าด้วยมาตรการด้านภาษีเพื่อแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการและช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานเป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ดี เพื่อให้นโยบายนี้เกิดประโยชน์อย่างจริงจังต้องมีมาตรการระยะยาวที่มีเสถียรภาพและครอบคลุม โดยเฉพาะต้องกำหนดเป้าหมายที่จะได้รับความช่วยเหลืออย่างชัดเจน   ตามเนื้อหาของมติ รัฐบาลจะลดภาษีรายได้บริษัทร้อยละ๓๐ให้แก่กลุ่มเศรษฐกิจ เครือบริษัท และสถานประกอบการที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก สถานประกอบการที่รับจ้างผลิต สถานประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร ป่าไม้ สัตว์น้ำ สิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนังรองเท้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจสังคม สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ส่วนสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ประกอบธุรกิจด้านสลากกินแบ่ง อสังหาริมทรัพย์ การเงิน ธนาคาร ประกันภัย การผลิตสินค้าและการบริการที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยจะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ จะขยายระยะเวลาชำระภาษีประจำปี๒๐๑๑ให้แก่สถานประกอบการออกไปอีก๙เดือนและยกเว้นภาษีให้แก่ผู้ประกอบอาชีพประมงและผู้ทำนาเกลือ ผู้แทนรัฐสภาจำนวนมากเห็นว่า ควรขยายเป้าหมายสถานประกอบการที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้  นายDo Van Ve ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดThai Binh กล่าวว่า “มาตรการดังกล่าวยังไม่มีความยุติธรรมต่อสถานประกอบการในแขนงงานอื่นๆ เพราะในปัจจุบัน สถานประกอบการหลายแขนงก็ประสบอุปสรรคและต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลควรขยายเป้าหมายของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในอีกหลายแขนงงานเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้”    นายHuynh Van Tinh ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดTien Giang กล่าวว่า จำนวนสถานประกอบการที่ได้รับการลดภาษีร้อยละ๓๐มีน้อยมากในขณะที่ยังมีสถานประกอบการที่มีศักยภาพในการพัฒนาถึงร้อยละ๔๐ต้องการความช่วยเหลือเนื่องจากประสบอุปสรรคชั่วคราว “ผมเห็นชอบกับการขยายเป้าหมายสถานประกอบที่จะได้รับการลดภาษีร้อยละ๓๐ โดยเฉพาะ สถานประกอบการที่ใช้แรงานเป็นจำนวนมาก และสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผมเห็นควรทำการยกเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลด้วย”      
เกี่ยวกับการแบ่งประเภทสถานประกอบการที่ได้รับการยกเว้นและลดภาษีครั้งนี้  บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้เสนอให้คิดคำนวนอย่างรอบคอบเพื่อให้การช่วยเหลือตรงเป้าหมาย นาง Nguyen Thi Nguyet Huong ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอยได้กล่าวว่า “การกำหนดสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมต้องคิดจากมูลค่าทรัพย์สิน เงินทุนและจำนวนแรงงานต่อปีโดยให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อจำนวนเงินทุน ตามมติครั้งนี้ จะอาศัยตามยอดมูลค่าทรัพย์สิน เงินทุนของเจ้าของสถานประกอบการ เงินกู้ และเงินจากแหล่งอื่นๆที่เปลี่ยนแปลงตามกิจการของสถานประกอบการเพื่อพิจารณาแทนเงินทุนจดทะเบียนหรือเงินทุนของเจ้าของสถานประกอบการ แต่สถานประกอบการจะได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีหรือไม่ก็ยังขึ้นอยู่กับการเจรจา”     บรรดาผู้แทนเห็นว่า การลดภาษีร้อยละ๓๐ตามข้อเสนอของรัฐบาลถือว่ายังไม่เพียงพอและควรลดมากกว่านี้ เพราะปัจจุบันมีสถานประกอบการร้อยละ๕๐ที่ประกอบธุรกิจขาดทุน นายVuong Dinh Hue รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวว่า หนึ่งในหลักการของการช่วยเหลือสถานประกอบการครั้งนี้คือต้องตระหนักว่า รัฐบาลกำลังยืนหยัดเป้าหมายสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อและเผยว่า“จนถึงปัจจุบัน พวกเราเห็นว่า มาตรการทางการเงินและงบประมาณค่องข้างสอดคล้องกับสถานการณ์แล้วแต่ก็ควรติดตามสถานการณ์ต่อไป ถ้าหากเห็นว่า สถานประกอบการยังคงประสบอุปสรรคและเกิดอุปสรรคใหม่หรือมีสัญญาณซบเซา กระทรวงการคลังจะยื่นเสนอมาตรการแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐบาลต่อไป” 
ตามรายงานของรัฐบาล คาดว่า ในปี๒๐๑๒ รายรับงบประมาณจะลดลงประมาณ๓ล้านล้านด่ง การยกเว้นและลดภาษีให้แก่สถานประกอบการจะส่งผลกระทบไม่น้อยต่อรายรับงบประมาณ แต่จะมีส่วนร่วมแก้ไขอุปสรรค ช่วยเหลือการผลิตและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังถูกผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก นอกจากมาตรการด้านภาษี รัฐบาลกำลังพิจารณากรอบนโยบายในระดับมหภาค ประสานการใช้นโยบายการเงินกับงบประมาณ ให้ความสำคัญต่อมาตรการทางการเงิน สินเชื่อ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ กระตุ้นการอุปโภคบริโภค ขยายตลาดเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ อำนวยความสะดวกเพื่อให้สถานประกอบการสามารถคืนทุน ผลักดันการผลิตและประกอบธุรกิจในเวลาที่จะถึง./.