(VOVworld)-ปี2014เป็นปีที่เศรษฐกิจเวียดนามบรรลุผลงานที่โดดเด่นหลายประการซึ่งที่น่าสนใจคือจีดีพีได้บรรลุเกินเป้าหมาย อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบหลายปี นโยบายใหม่เพื่อปรับปรุงบรรยากาศการลงทุน การผลิตและประกอบธุรกิจมีผลบังคับใช้ ซึ่งทั้งนี้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการบริหารงานของรัฐบาลพร้อมกับความเห็นพ้องจากทั้งนักลงทุนและประชาชนทุกภาคส่วนในการฝ่าฟันอุปสรรค์

ปี2014เป็นปีแรกในรอบหลายปีมานี้ที่เวียดนามสามารถบรรลุผลงานเกินเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม นั่นคือการแก้ไขปัญหาหลังวิกฤตเศรษฐกิจโดยพื้นฐานและเริ่มกลับเข้าสู่จังหวะการฟื้นตัว  โดยเฉพาะจากความพยายามในการปรับปรุงโครงสร้าง การปฏิรูประเบียบราชการและบรรยากาศการลงทุนพัฒนาการผลิตและประกอบธุรกิจ รัฐบาลสามารถรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและอัตราการขยายตัวที่เหมาะสมได้

ยืนหยัดการกำหนดแนวทางและบริหารชี้นำนโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาค

ภายใต้การบริหารของรัฐบาล ปี2014เศรษฐกิจเวียดนามได้มีก้าวพัฒนาที่น่ายินดีโดยเป็นครั้งแรกในรอบ3ปีที่ผ่านมา จีพีพีได้บรรลุร้อยละ5.98ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐสภาวางไว้คือร้อยละ5.8 เงินเฟ้อลดลงในระดับที่น่าพอใจ ดอกเบี้ยสินเชื่อก็ลดลงซึ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและสถานประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ การส่งออกสามารถธำรงอัตราการขยายตัวสูงแถมยังมีการได้เปรียบดูลการค้าด้วย ที่น่าสนใจคือการส่งออกของสถานประกอบการในประเทศได้มีกรเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็ง โดยยอดมูลค่าการส่งออกของประเทศอาจจะบรรลุกว่า1แสน5หมื่นล้านด่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ13.6เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับโครงการลงทุนที่มีเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ24.5ด้วยยอดเงินลงทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นร้อยละ9.6เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสัญญาณที่น่ายินดีในการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอของเวียดนามและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อบรรยากาศการประกอบธุรกิจในเวียดนาม นาย โตโมซูกิ คีมูระ ผู้อำนวยการแห่งชาติธนาคารพัฒนาเอเชียหรือเอดีบีประจำเวียดนามได้กล่าวว่า“ในปี2014 เวียดนามได้ประสบความสำเร็จในการบริหารเศรษฐกิจมหภาคและถือเป็นปีที่3ติดต่อกันที่เวียดนามสามารถรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค สามารถควบคุมเงินเฟ้อและความมั่นคงด้านอัตราการแลกเปลี่ยนเพื่อบรรลุอัตราการขยายตัวในระดับที่เหมาะสม ผมคิดว่ารัฐบาลเวียดนามสามารถทำงานได้ดีและในเวลาข้างหน้าเพื่อที่จะแก้ไขจนถึงต้นเหตุของปัญหาเศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ เราต้องผลักดันกระบวนการปฏิบัติการปรับปรุงด้านโครงสร้างรวมทั้งระเบียบราชการและสถานประกอบการภาครัฐตลอดจนการลงทุนสาธารณะและการปฏิรูประบบธนาคาร”

ปี2014ยังเป็นปีที่เวียดนามประสบความสำเร็จในการบริหารอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินด่งกับเหรียญสหรัฐได้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ1เท่านั้น อัตราการใช้เงินเหรียญสหรัฐในการทำธุรกรรมลดลงร้อยละ20 ซึ่งช่วยให้นโยบายด้านการเงินอื่นๆได้รับการปฏิบัติสะดวกขึ้น นายลาหงอกทว้าง ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดกาวบั่งประเมินว่า“ผมเห็นว่ารัฐบาลได้บริหารควบคุมนโยบายการเงินอย่างคล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์การพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามที่ยึดหลักตามการควบคุมเงินเฟ้อ พร้อมทั้งเอื้อให้แก่การขยายตัว แม้จะเป็นส่วนงานที่ยากแต่เราก็สามารถทำได้สำเร็จ การบริหารอัตราการแลกเปลี่ยนได้อยู่ในการควบคุมได้ช่วยให้เงินด่งแข็งตัวและช่วยให้การสำรองเงินตราต่างประเทศของรัฐเพิ่มขึ้น ตลอดจนการสนับสนุนการส่งออกและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่อตลาดเวียดนามและนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญช่วยให้กระแสเงินเอฟดีไอที่ไหลเข้าเวียดนามเริ่มฟื้นตัวเข้มแข็งมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา”

พยายามปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจและการผลิต

ปี2014การปฏิรูประเบียบราชการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันก็ถือเป็นนิมิตหมายที่โดดเด่นในกระบวนการชี้นำของรัฐบาลโดยมีการตรวจสอบและยกเลิกข้อกำหนดที่ไม่เหมาะสมเพื่อสร้างเงื่อนไขที่สะดวกให้แก่ภาคการลงทุน สร้างพื้นฐานทางด้านนิตินัยเพื่อให้ชมรมผู้ประกอบการฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ ซึ่งในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลและกระทรวงหน่วยงานต่างๆได้มีการปรึกษาหารือและสนทนาโดยตรงกับผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหลายสิบรอบเพื่อผลักดันการปฏิรูประเบียบราชการทั้งในด้านการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ภาษีศุลกากรและที่ดินเพื่อลดความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งนายหวูเตี้ยนหลกประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามได้เผยว่า“รัฐบาลได้มีวิธีการใหม่ในการข้าถึงและแก้ไขปัญหาโดยยึดตามมาตรฐานของอาเซียน6เพื่อปฏิบัติกระบวนการดังกล่าวตามแนวทาง “โลกทำได้เราก็ทำได้เช่นกัน” ซึ่งรัฐบาลได้สั่งให้หน่วยงานที่ต้องเน้นปฏิรูปอย่างเร่งด่วนด้านระเบียบราชการเพื่อการลงทุนประกอบธุรกิจเช่น หน่วยงานภาษีศุลกากร พลังงาน การจัดตั้งและยุบสถานประกอบการ เป็นต้นให้ปรับตามมาตรฐานเฉลี่ยนของอาเซียน6 เช่นลดแรงกดดันจากเวลาการชำระภาษีและการประกันสังคมจาก872ชั่วโมงต่อปีลงเหลือ171ชั่วโมงต่อปี”

ในสภาวการณ์ที่ประเทศยังต้องประสบกับอุปสรรคนานัปการแต่ผลงานที่เข้มแข็งในการพัฒนาเศรษฐกิจปี2014ของเวียดนามได้ถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดี ซึ่งผลงานนี้มาจากการบริหารชี้นำที่คล่องตัวและเคร่งครัดรัดกุมของรัฐบาล นี่ก็เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจเวียดนามสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในปี2015./.