นิมิตหมายใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น

(VOVWORLD) - วันที่ 25ตุลาคม นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เริ่มการเยือนประเทศจีนครั้งประวัติศาสตร์เป็นเวลา 3วัน ซึ่งถือเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 2011 โดยคาดว่า จะสร้างโอกาสความร่วมมือใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งช่วยให้ทั้ง 2ฝ่ายกระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้นหลังความตึงเครียดเกี่ยวกับการพิพาททางทะเลในเวลาที่ผ่านมา
นิมิตหมายใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น - ảnh 1 นายกรัฐมนตรีชินโซอาเบะและประธานประเทศสีจิ้งผิง (Kyodo News)

แม้จีนและญี่ปุ่นจะเป็นประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกลับมีความตึงเครียดเนื่องจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์และการพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลหัวตุ้ง ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศกำลังพยายามคลี่คลายความตึงเครียดผ่านมาตรการทางการทูต โดยในหลายปีมานี้ นาย ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและนาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนได้มีการพบปะทวิภาคีนอกรอบการประชุมระหว่างประเทศ แต่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไม่ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีนตั้งแต่ปี2011 และประธานประเทศจีนก็ไม่ได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2010

ช่วงเวลาที่เหมาะสม

ดังนั้นการเยือนประเทศจีนครั้งนี้ของนาย ชินโซ อาเบะจึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากประชามติโลกเพราะแสดงให้เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศกำลังมีความมุ่งมั่นตั้งใจเตรียมให้แก่การเยือนที่เต็มไปด้วยความหมายนี้มากกว่าปัญหาการพิพาทด้านอธิปไตยทางทะเล ซึ่งช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ประจวบเหมาะกับโอกาสที่ทั้ง 2ประเทศรำลึกครบรอบ 40ปีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพและมิตรภาพเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมปี1978 ซึ่งเป็นพื้นฐานให้แก่การสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระยะใหม่

ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นมีสัญญาณที่สดใสมากขึ้นหลังการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนาย หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงต่างๆที่ต้องได้รับการผลักดันในเวลาข้างหน้า โดยเฉพาะการเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรีชินโซอาเบะจะมีส่วนร่วมส่งเสริมการปฏิบัติข้อตกลงดังกล่าวให้เป็นรุปธรรม

ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับทางการของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐที่นับวันเลวร้ายลงถือเป็นแรงกระตุ้นให้จีนขยายความร่วมมือกับญี่ปุ่น ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่จำเป็นเพื่อให้ปักกิ่งพัฒนาความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่างๆให้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ผู้นำประเทศจีนสนใจแสวงหาความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งจากญี่ปุ่น

ผลประโยชน์จากการเยือน

ในด้านการเมือง การเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะช่วยผลักดันก้าวพัฒนาใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยก่อนการเยือน นาย ชินโซ อาเบะได้แสดงความพร้อมที่จะขยายความสัมพันธ์กับจีน พร้อมทั้งยืนยันว่า อยากกระชับความสัมพันธ์ให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่และย้ำว่า จีนและญี่ปุ่นจะร่วมกันแบ่งเบาความรับผิดชอบในการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค การที่จีนและญี่ปุ่นปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคีก็เอื้อประโยชน์ต่อแผนจัดการประชุมผู้นำจีน ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ

ในด้านเศรษฐกิจ การเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลกระทบในทางลบต่ออุตสาหกรรมของทั้งสองฝ่าย ในการเยือนจีนครั้งนี้ มีผู้บริหารสถานประกอบการญี่ปุ่น   500 คนร่วมเดินทางไปด้วยและจะมีการจัดฟอรั่มที่มีการเข้าร่วมของบรรดารัฐมนตรีและผู้บริหารสถานประกอบการ 1000 คนจากทั้งสองประเทศ เพื่อหารือถึงโอกาสความร่วมมือและการลงทุน ดังนั้น นี่ถือเป็นโอกาสเพื่อให้จีนเสนอให้ญี่ปุ่นขยายการลงทุน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายก็พยายามฟื้นฟูกลไกการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินท้องถิ่นที่ถูกระงับตั้งแต่ปี 2013 เพื่อมุ่งสู่ข้อตกลงเกี่ยวกับการขอสินเชื่อของจีน ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะปัจจุบันจีนคือหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นในขณะที่ญี่ปุ่นคือหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ2 รองจากสหรัฐและเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 4 ของจีน

อย่างไรก็ตาม แม้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นมีสัญญาณที่สดใส แต่ก็ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆที่เปรียบเสมือนการเดินเรือทวนกระแสน้ำ ซึ่งถ้าหากทั้งสองฝ่ายไม่พยายามช่วยกันพายเรือ ก็จะไม่สามารถถึงที่หมายได้  และทั้งสองประเทศมหาอำนาจในเอเชียนี้ยังเป็นคู่แข่งโดยตรงในหลายด้านและมีการแข่งขันเพื่อช่วงชิงอิทธิพลในภูมิภาคและโลก

นอกจากนั้น จีนและญี่ปุ่นก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลหัวตุ้งตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีตกอยู่ในภาวะตึงเครียดขั้นรุนแรงนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อย่างไรก็ตาม การเยือนจีนครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะก็ได้สร้างความหวังให้แก่การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ อีกทั้งเปิดทางให้แก่การเยือนญี่ปุ่นของนาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนในปีหน้าและเนื่องด้วยความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นมีบทบาทที่สำคัญในอเชียและเกี่ยวข้องถึงปัญหาที่สำคัญๆในภูมิภาค ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือต้องมองข้ามความขัดแย้งเพื่อมุ่งสู่ระยะความร่วมมือใหม่.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด