ปฏิญญาเอกราช 2 กันยายนปี 1945 ยังคงทรงคุณค่า

(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ณ จัตุรัสบาดิ่ง ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราช อันเป็นการสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นอกจากประกาศให้โลกทราบถึงการก่อตั้งประเทศเวียดนามที่เอกราชและเสรีภาพแล้ว ปฏิญญาเอกราชยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่ แสดงให้เห็นถึงสติปัญญาและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลข้ามยุคสมัยของประธานโฮจิมินห์
ปฏิญญาเอกราช 2 กันยายนปี 1945 ยังคงทรงคุณค่า - ảnh 1เมื่อวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ณ จัตุรัส บาดิ่งห์ในกรุงฮานอย ประธานโฮจิมินห์ในนามของรัฐบาลเฉพาะกาลได้อ่านปฏิญญาเอกราชก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (baothanhhoa.vn)

ในตอนต้นของปฏิญญาเอกราช ประธานโฮจิมินห์ได้ยืนยันว่า “มนุษย์ทุกคนเมื่อเกิดมาต่างมีสิทธิเท่าเทียมกันและได้รับสิทธิที่ไม่มีใครละเมิดได้ ในบรรดาสิทธิเหล่านี้ มีสิทธิการมีชีวิต มีเสรีภาพ และความผาสุก ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งในคำประกาศอิสรภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1776 ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่า ทุกประชาชาติในโลกต่างมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ทั้งสิทธิการมีชีวิต มีเสรีภาพ และความผาสุก"

ทฤษฎีที่ล้ำยุคแห่งเอกราชประชาชาติ

นี่คือแนวคิดที่มีความเป็นวิทยาศาสตร์และหลักวิภาษวิธี โดยประธานโฮจิมินห์ได้อ้างอิงเนื้อหาเกี่ยวกับสิทธิของมนุษย์ที่ถูกระบุในคำประกาศอิสรภาพของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกคือสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่แนวคิดของตนและได้พัฒนาเป็นความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของประชาชาติ รองศ.ดร. เลวันเอียน จากสำนักพิมพ์การเมืองแห่งชาติสึอเถิดได้ยืนยันว่า“สิ่งที่โดดเด่นคือคุณค่าแห่งยุคสมัย โดยประธานโฮจิมินห์ได้อ้างอิงเนื้อหาของคำประกาศอิสรภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาและปฏิญญาสิทธิมนุษยชนและสิทธิของประชาชนของฝรั่งเศสฉบับปี 1791 ที่ระบุถึงสิทธิของมนุษย์และสิทธิของประชาชาติและได้พัฒนาเป็นความเข้าใจว่า “ทุกประชาชาติในโลกถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน ทุกประชาชาติต่างมีสิทธิในการมีชีวิต มีอิสระภาพและมีความสุข” ซึ่งเป็นแนวคิดที่โดดเด่น มีคุณค่าแห่งยุคสมัยและได้รับการยืนยันหลายครั้งในปฏิญญาเอกราชของประธานโฮจิมินห์”

สถานการณ์ที่เป็นจริงแสดงให้เห็นว่า ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขบวนการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชประชาชาติได้ดำเนินไปอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้จนนำไปสู่การสถาปนาประเทศที่มีเอกราชในทั้งเอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกาและแอฟริกา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การยึดมั่นและความต้องการเสรีภาพและเอกราชคือผลประโยชน์ของประชาชนในทั่วโลกและของทุกประเทศตามที่ถูกระบุในปฏิญญาเอกราช

ปฏิญญาเอกราช 2 กันยายนปี 1945 ยังคงทรงคุณค่า - ảnh 2เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงวียนฟู้จ่อง ได้เยือนเขตอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ในทำเนียบประธานประเทศเมื่อปี 2020  (nhandan.vn

ปฏิญญาเอกราชวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ยังคงทรงคุณค่า

ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา สถานการณ์ในภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อน โดยได้เกิดสงคราม การปะทะและวิกฤตต่างๆ ส่วนประเทศมหาอำนาจมีการเผชิญหน้าและแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่งจากความผันผวนในหลายมิติดังกล่าว ได้มีการถอดบทเรียนอันล้ำค่าต่างๆ รวมถึงการพัฒนาแนวคิดที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงว่า ไม่มีมิตรหรือศัตรูถาวร มีแต่ผลประโยชน์ของประเทศชาติที่เป็นสิ่งถาวร ดังนั้น การที่ปฏิญญาเอกราชวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ได้ยืนยันและให้ความสำคัญต่อเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติที่เป็นผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติได้แสดงให้เห็นถึงสติปัญญา วิสัยทัศน์ที่มีภาวะวิสัยและมีคุณค่าแห่งยุคสมัยของประธานโฮจิมินห์ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมปฏิญญาเอกราชวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ยังคงทรงคุณค่าเกี่ยวกับเสรีภาพและเอกราชประชาชาติหลังช่วงที่เต็มไปด้วยความผันผวนทางประวัติศาสตร์ในตลอดกว่า 75 ปีที่ผ่านมา ในการเยือนเขตอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ในทำเนียบประธานประเทศเมื่อปี 2020 เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงวียนฟู้จ่อง ได้ยืนยันว่า“ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราช ณ จัตุรัสบาดิ่ง ซึ่งเป็นเอกสารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และยังคงทรงคุณค่า แสดงให้เห็นถึงแนวคิด สติปัญญา บุคลิกและความมุ่งมั่นตั้งใจของประธานโฮจิมินห์ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่และนักวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมของโลก ซึ่งเรามีความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามปฏิญญาเอกราชและต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องเอกราชและเสรีภาพของประเทศให้มั่นคงถาวร”

ทั้งนี้ เหตุผลที่ทำให้ปฏิญญาเอกราชวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ยังคงทรงคุณค่าคือการสะท้อนสถานการณ์ที่เป็นจริง การปลูกฝังความคาดหวังและตอบสนองการสร้างสรรค์สังคมที่ก้าวหน้า.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด