ภายหลังหลายเดือนที่สถานการณ์คลี่คลายลง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุใช้ความรุนแรงระหว่างปาเลสไตร์กับอิสราเอล ตามประกาศของทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์  ได้มีผู้เสียีชีวิตอย่างน้อย 16 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบคนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเหตุความรุนแรงที่นองเลือดที่สุดในเขตเวสต์แบงก์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา

เหตุความรุนแรงที่นองเลือดในเขตเวสต์แบงก์

เหตุใช้ความรุนแรงมาจากการบุกโจมตีของกองทัพอิสราเอลใส่ค่ายลี้ภัย Jenin  ของชาวปาเลสไตน์ในทิศเหนือของเขตเวสต์แบงก์เมื่อวันที่ 26 มกราคม ประกาศของกองทัพอิสราเอลได้เผยว่า การโจมตีดังกล่าวก็เพื่อสกัดกั้นแผนการโจมตีใส่ดินแดนของอิสราเอลของกลุ่มติดอาวุธญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ หรือ PIJ   ส่วนกลุ่ม PIJ ใน Jenin ได้ประกาศว่า สมาชิกของกลุ่มนี้ได้ทำการต่อสู้เพื่อต่อต้านกองทัพอิสราเอลด้วยปืนและอุปกรณ์ระเบิด กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ได้ประกาศว่า มีชาวปาเลสไตน์ 9 คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 20 คนในการปะทะใน Jenin

 ภายหลังการโจมตี 1 วัน ชายปาเลสไตน์คนหนึ่ง อายุ 21 ปีได้กราดยิงในมัสยิดของชาวยิวในเมืองเยรูซาเลม ซึ่งทำให้ชาวอิสราเอล 7 คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 10 คน ซึ่งเป็นการโจมตีที่มีชาวอิสราเอลเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ในเช้าตรู่วันที่ 28 มกราคม เยาวชนชาวปาเลสไตน์ อายุ 13 ปีได้ใช้ปืนกราดยิงในเมืองเยรูซาเลม ซึ่งทำให้ชาวยิว 2 คนได้รับบาดเจ็บ

หลังการโจมตีต่างๆดังกล่าว ตำรวจและกองทัพอิสราเอลได้จับกุมตัวชาวปาเลสไตน์นับสิบคนเพื่อทำการสืบสวน เมื่อค่ำวันที่ 28 มกราคม คณะมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลได้ประกาศว่า มาตรการใหม่ดังกล่าวมุ่งเป้าไปยังญาติมิตรของชาวปาเลสไตน์ที่ทำการโจมตีดังกล่าว ทางการและกองทัพอิสราเอลได้ยืนยันว่า จะปฏิบัติทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องประชาชนประเทศนี้

ส่วนขบวนการฮามาสในฉนวนกาซ่าและกลุ่ม PIJ ในเขตเวสต์แบงก์ได้เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์มีปฏิบัติการการตอบโต้อิสราเอล  ส่วนทางการปาเลสไตน์ได้ประกาศว่า จะยุติแผนการร่วมมือด้านความมั่นคงกับอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ทันที

ยุติการใช้ความรุนแรง นำเสถียรภาพมาสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางอีกครั้ง

จากสถานการณ์ดังกล่าว บรรดาผู้สังเกตการณ์ในภูมิภาคและโลกได้แสดงความวิตกกังวลว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุใช้ความรุนแรงที่นองเลือดระหว่างชาวปาเลสไตน์กับชาวอิสราเอลและบานปลายเป็นการลุกฮือต่อสู้อินติฟาดาใหม่ของชาวปาเลสไตน์ที่ต่อต้านกองทัพอิสราเอลเหมือนการลุกฮือต่อสู้อินติฟาดา ในช่วงปี 2000 -2005 ถ้าหากการใช้ความรุนแรงตึงเครียดมากขึ้น โอกาสของการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติการปะทะระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลจะนับวันมืดมนมากขึ้น

ดังนั้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์เล้วร้ายลงอีกประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่างๆได้เรียกร้องให้อิสราเอลและปาเลสไตน์ใช้ความอดกลั้นและทำการเจรจาเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพอีกครั้ง เมื่อวันที่ 29 มกราคม พระสันตะปาปาฟรานซิสได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายทำการสนทนาเพื่อแสวงหามาตรการสันติภาพเพื่อแก้ไขการปะทะที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ พร้อมทั้งเร่งรัดให้ประชาคมโลกหาทางออกด้วยการสนทนาอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ในวันเดียวกัน ทั้งรัสเซีย จีนและสหภาพยุโรปได้เรียกร้องให้อิสราเอลและปาเลสไตน์ใช้ความอดกลั้นและลดความตึงเครียด โดยเห็นว่า การที่เกิดการปะทะอีกครั้งเนื่องจากมาตรการสองรัฐอยู่ด้วยกันอย่างสันติไม่สามารถปฏิบัติได้ พร้อมทั้ง ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องผลักดันการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล มุ่งสู่มาตรการในรอบด้าน ยุติธรรมและยาวนาน

การแสวงหามาตรการยุติปัญหาการใช้ความรุนแรงระหว่างชาวปาเลสไตน์กับอิสราเอลและนำเสถียรภาพมาสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางอีกครั้งเป็นหัวข้อหลักในการหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แอนโทนี จอห์น บลิงเคน กับประธานาธิบดีอียิปต์ อับดุล ฟัตตาห์ อัสซีซี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียิปต์เมื่อวันที่ 30 มกราคม ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ในการพบปะต่างๆ ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องลดการใช้ความรุนแรงและฟื้นฟูการเจรจาสันติภาพระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลอีกครั้งภายใต้การสนับสนุนของประชาคมโลก ส่วนประธานาธิบดีอียิปต์ อับดุล ฟัตตาห์ อัสซีซี เห็นว่า เหตุใช้ความรุนแรงที่ผ่านมาก็เป็นการย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญของปฏิบัติการและท่าทีทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง พร้อมทั้งกล่าวถึงจุดยืนที่เสมอต้นเสมอปลายของประเทศนี้เกี่ยวกับการความจำเป็นที่ต้องบรรลุมาตรการที่รอบด้านและยุติธรรมเพื่อค้ำประกันสิทธิของชาวปาเลสไตน์ตามมาตรฐานสากล  บรรลุสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาร่วมในภูมิภาคตะวันออกกลาง.