(VOVworld) - การประชุมครั้งที่ 2 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่ 14 ได้เสร็จสิ้นการตั้งและตอบกระทู้ถามเป็นเวลา 2 วันครึ่ง แม้เป็นการตั้งและตอบกระทู้ถามรอบแรกในการประชุมสมัยที่ 14แต่ได้รับคำชื่นชมจากประชามติตั้งแต่เนื้อหา การชี้แจงของสมาชิกรัฐบาล รวมทั้งบรรยากาศการตั้งและตอบกระทู้ถามในการประชุม ซึ่งมีส่วนร่วมยกระดับประสิทธิภาพการตรวจสอบของรัฐสภาเวียดนาม

ประธานรัฐสภาเหงียนถิกิมเงินกล่าวถึงผลการตั้งและตอบกระทู้ถาม (Photo VNplus)

ในสองวันครึ่ง นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาและฝึกอบรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในได้ตอบกระทู้ถามกว่า 200 ข้อของผู้แทนรัฐสภา
เลือกปัญหาตั้งกระทู้ถามอย่างถูกต้อง
ปัญหาที่ถูกตั้งกระทู้ถามในการประชุมครั้งนี้ล้วนเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงถึงชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งในด้านเศรษฐกิจ คือมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการที่ขาดประสิทธิภาพ การควบคุมตลาด การปราบปรามการคอร์รัปชั่น สินค้าปลอม สินค้าที่ขาดคุณภาพ นโยบายที่เป็นก้าวกระโดดเพื่อพัฒนาหน่วยงานรถยนต์ตามแนวทางการลงทุนของรัฐและคำมั่นต่างๆในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ตรวจสอบและประเมินคุณภาพ การวางผังกิจการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำและชลประทาน ส่วนในด้านสังคม คือการปฏิบัติโครงการปฏิรูปการศึกษาและฝึกอบรม การเปลี่ยนแปลงใหม่งานด้านการศึกษาให้มีความสมบูรณ์ การเชื่อมโยงระหว่างการฝึกอบรมกับการวางแผน การพยากรณ์และการใช้แหล่งบุคลากร สำหรับปัญหาสิ่งแวดล้อม การตั้งกระทู้ถามเน้นถึงการปฏิบัตินโยบายและกฎหมายจัดการกากอุตสาหกรรม การบริการ หมู่บ้านศิลปาชีพ เขตชุมชน การควบคุมและแก้ไขปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อม มาตรการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การควบคุมและขุดเจาะทรัพยากรและแร่ธาตุ ส่วนในปัญหาบุคลากร ผู้แทนรัฐสภาได้ตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับความกระทัดรัดในด้านองค์ประกอบ มาตรการปฏิรูปเงินเดือนและยกระดับคุณภาพของบุคลากร เจ้าหน้าที่และข้าราชการ ในการประเมินและสรุปผลการตั้งกระทู้ถาม ประธานรัฐสภาเหงียนถิกิมเงินกล่าวว่า “การตั้งกระทู้ถามครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มประเด็นที่ผู้แทนรัฐสภาได้เลือกเพื่อตั้งและตอบกระทู้ถามล้วนเป็นปัญหาที่จำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ซึ่งได้รับความสนใจและคำชื่นชมจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและประชามติทั่วประเทศ การตั้งกระทู้ถามครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆและผู้แทนรัฐสภาได้แสดงให้เห็นเจตนารมณ์การทำงานอย่างจริงจัง ตั้งกระทู้ถามอย่างกระชับ ชัดเจนและเกาะติดสถานการณ์ของปัญหา โดยเฉพาะมีการโต้แย้งมากขึ้นเพื่อสามารถชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน ข้อจำกัดและความรับผิดชอบของแต่ละคนเพื่อมีมาตรการแก้ไข”

การโต้แย้งระหว่างผู้ตั้งและผู้ตอบเป็นข้อใหม่ในการตั้งและตอบกระทู้ถามครั้งนี้

สร้างคุณภาพและประสิทธิภาพในด้านข้อมูล
การโต้แย้งระหว่างผู้ตั้งและผู้ตอบเป็นข้อใหม่ในการตั้งและตอบกระทู้ถามครั้งนี้ ซึ่งได้สร้างบรรยากาศใหม่และเป็นก้าวกระโดดในการตั้งและตอบกระทู้ถามของรัฐสภา ซึ่งถือเป็นก้าวเดินสำคัญเพื่อเปลี่ยนจากรัฐสภาที่มีแต่การกล่าวอภิปรายเป็นรัฐสภาแห่งการหารือและโต้แย้ง นายเหงียนวันเชี้ยน ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอยให้ข้อสังเกตว่า“เวลาการตั้งและตอบกระทู้ถามมีไม่มาก ดังนั้น รัฐสภาได้มีความคิดริเริ่มใหม่ว่า ไม่ต้องลงทะเบียนจัดลำดับตั้งกระทู้ถาม หากผู้แทนคนใดมีความคิดเห็นที่ต่างออกไปก็สามารถยื่นญัตติเพื่อโต้แย้งได้ทันที ผมคิดว่า วิธีการใหม่นี้ได้ช่วยเพิ่มการวิพากษ์วิจารณ์ในการตั้งและตอบกระทู้ถาม”
ผลการตั้งและตอบกระทูถามดีขึ้นเนื่องจากสมาชิกรัฐบาลทุกคนแม้เพิ่งได้รับการแต่งตั้งแต่ก็ไม่เลี่ยงตอบปัญหาที่ผู้แทนรัฐสภาตั้งกระทู้ถาม และต่างเป็นผู้ที่มีทักษะความสามารถในด้านวิชาการในแขนงงานที่อยู่ในอำนาจการบริหารของตน โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้มีคำตอบอย่างชัดเจนที่สะท้อนความตั้งใจอย่างสูงเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่ยังคั่งค้างอยู่ นายโด๋ดึ๊กโห่งห่า ผู้แทนรัฐสภากรุงฮานอยประเมินว่า“มาตรการแก้ไขที่นายกรัฐมนตรีเสนอในการประชุมรัฐสภาครั้งนี้สมบูรณ์มาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สาธารณะ การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การจัดการด้านบุคลากรและการปฏิรูประเบียบราชการ ถ้าหากมาตรการเหล่านี้ได้รับการปฏิบัติและมีประสิทธิภาพ จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆตามความปรารถนาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและประชาชน”
ส่วนนางโงถิกิมเอี๊ยน ผู้แทนรัฐสภานครดานังแสดงความคิดเห็นว่า “การตอบกระทู้ถามของนายกรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐบาลได้สะท้อนเจตนารมณ์แห่งรัฐบาลที่สร้างสรรค์พัฒนาและปฏิบัติเพื่อนำประเทศฟันฝ่าอุปสรรคอย่างจริงจัง”
การตั้งและตอบกระทู้ถามเป็นส่วนงานสำคัญของการประชุมรัฐสภาทุกครั้ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ในการตั้งและตอบกระทู้ถามในการประชุมรัฐสภาครั้งที่สองสมัยที่ 14 ได้มีส่วนร่วมยกระดับประสิทธิภาพการตรวจสอบของรัฐสภาและสร้างความไว้วางใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่อคุณภาพและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของทั้งองค์กรนิติบัญญัติและองค์กรบริหาร.