(VOVworld) –  การที่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐเสนอร่างงบประมาณสูงเป็นประวัติการณ์ถึง๔ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีการเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายของภาครัฐและการปฏิรูปด้านภาษีได้จุดชนวนให้เกิดการอภิปรายที่ร้อนแรงในปี๒๐๑๕ระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรคริพับลิกันและระหว่างนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐกับรัฐสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก สิ่งที่สำคัญคือผลของการอภิปรายช่วยให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมองเห็นความยุติธรรมและความรับผิดชอบซึ่งเป็นปัญหาสำคัญสองประการที่ทั้งสองพรรคจะต้องมุ่งเน้นในการแข่งขันเพื่อครองทำเนียบขาวในเวลาข้างหน้า

คนรวยอาจถูกผลกระทบถ้าร่างงบประมาณของประธานาธิบดีสหรัฐได้รับการอนุมัติ(Photo:Reuters)

ร่างงบประมาณที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาประกาศเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน กองทัพและการวิจัยโดยกำหนดงบประมาณขาดดุลต่ำกว่าร้อยละ๓ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจประเมินว่า เหมาะสมโดยที่เป็นรูปธรรมคือ ในปี๒๐๑๖ จะไม่สามารถเก็บภาษีเข้างบประมาณ๔๗๔,000ล้านดอลลาร์ คิดเป็นร้อยละ๒.๕ของจีดีพี ส่วนหนี้รัฐบาลคิดเป็นร้อยละ๗๕ของจีดีพี นายบารัก โอบามา ยังเสนอให้เพิ่มงบร้อยละ๗ต่อปีให้แก่โครงการใช้จ่ายในด้านกลาโหมและโครงการภายในประเทศที่จำเป็นตั้งแต่ปี๒๐๑๑โดยในปี๒๐๑๖ จะเพิ่มงบกลาโหมเป็น๕๓๔,000ล้านดอลลาร์ซึ่งส่วนหนึ่งจะสงวนให้แก่การขยายกองกำลังทหารที่ประจำการในเอเชียแปซิฟิก การต่อต้านกลุ่มไอเอส เสริมความปลอดภัยด้านอินเตอร์เน็ตและรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายในยุโรปตะวันออก
เน้นต่อชนชั้นกลาง
ในร่างงบประมาณปี๒๐๑๖ที่บังคับใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี๒๐๑๕ นายบารัก โอบามาให้สิทธิพิเศษต่อชนชั้นกลางเพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนซึ่งเป็นไปตามคำมั่นที่ให้ไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียงเลือกตั้งโดยเพิ่มการเก็บภาษีธุรกิจ และภาษีจากคนรวยเพื่อนำไปช่วยเหลือชนชั้นกลาง  โดยเฉพาะ ภาษีเงินได้และการลงทุนที่เก็บเพิ่มจากร้อยละ๒๓.๘ขึ้นเป็นร้อยะ๒๘และจะจัดตั้งธนาคารสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นายบารักโอบามาหวังว่า มาตรการใหม่นี้จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปและสร้างงานทำอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี๑๙๙๐โดยในปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่า จะลดคนว่างงานจากร้อยละ๕.๖ลงเหลือร้อยละ๕.๔
สำหรับพรรคเดโมแครต ร่างงบประมาณดังกล่าวถือเป็นคำสัญญาเลือกตั้งของบรรดาผู้ลงสมัครรับสมัครของพรรคนี้ได้ให้ไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งและเป็นโอกาสเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงนโยบายของพรรคนี้คือเน้นปรับปรุงสถานการณ์เศรษฐกิจและผลักดันนโยบายสวัสดิการสังคม ก่อนหน้านั้นในการแถลงนโยบายประจำปี๒๐๑๕นายบารัก โอบามาได้เสนอตัวเลขต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยย้ำว่า ความสำเร็จนี้มีส่วนร่วมของชนชั้นกลางซึ่งตรงข้ามกับฝ่ายรีพับลิกันที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิมยม โดยเฉพาะ บทบาทของชนชั้นสูง
การคัดค้านจากพรรครีพับลิกัน
หลังจากที่นายบารัก โอบามา ประกาศร่างงบประมาณไม่กี่ชั่วโมง สส.พรรครีพับลิกันในรัฐสภาได้ทำการคัดค้านโดยเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งคือ นายบารักได้เสนอให้กำหนดอัตราภาษีใหม่ต่อแหล่งรายได้จากต่างประเทศของสถานประกอบการสหรัฐโดยจะเก็บภาษีเงินได้ร้อยละ๑๔จากบริษัทสหรัฐที่ลงทุนในต่างประเทศที่มีกำไรสูงกว่า๒ล้าน๑แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้๒๓๘,000ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการก่อสร้าง ซ่อมแซม ยกระดับทางไฮเวย์ สะพาน และชุมทางคมนาคมสำคัญต่างๆ แต่บรรดาสส.พรรครีพับลิกันเห็นว่า แนวทางนี้เป็นเพียงการสร้างกระแสให้แก่พรรคเดโมแครตก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี๒๐๑๖ นายออร์ริน ฮาต หัวหน้าคณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภากล่าวว่า ร่างงบประมาณดังกล่าวเน้นการผลักดันการใช้จ่ายของรัฐบาลโดยอาศัยการเพิ่มภาษีเพื่อตอบสนองแนวทางนโยบายของพรรคเดโมแครตเท่านั้นมิใช่คืนความมั่นคงทางการเงินกลับประเทศสหรัฐได้
จากการคาดคะเนต่อปฏิกิริยาของรัฐสภา ในบทปราศรัย ที่กระทรวงรักษาความมั่นคงภายใน เมื่อวันที่๒เดือนนี นายบารัก โอบามาได้ย้ำถึงการหลีกเลี่ยงให้ความขัดแย้งส่งผลเสียต่อความมั่นคงของประเทศและเตือนพรรครีพิบลิกันว่าไม่ควรเล่นเกมการเมืองต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ก่อนหน้านั้นในการแถลงนโยบายประจำปี๒๐๑๕นายบารักโอบามาได้เรียกร้องให้สส.ของพรรครีพับลิกันร่วมกับทำเนียบขาวแสวงหาความเห็นพ้องในการปรับปรุงประมวลกฎหมายภาษี กฎหมายความปลอดภัยด้านอินเตอร์เน็ต พยายามปรับโครงสร้างรัฐบาลให้กระทัดรัด ลดงบประมาณ ปรับปรุงระเบียบเข้าเมือง มาตรการผลักดันเศรษฐกิจให้พัฒนายิ่งขึ้น นายบารัก โอบามายังกล่าวถึงสิทธิวีโต้ที่เขามักไม่ได้ใช้นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง
การอภิปรายร่างงบประมาณปี๒๐๑๖ระหว่างทำเนียบขาวและรัฐสภายังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นและคาดการณ์กันว่า ร่างงบประมาณยากที่จะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ทั้งก้าวเดินต่อไปสองฝ่ายจะพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อปกป้องทัศนะของตน อีกทั้งแสวงหาการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเมื่อการเลือกตั้งประธานธิบดีกำลังใกล้เข้ามา./.