ปี๒๐๑๕–จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในอีก๒๐ปีต่อไป

(VOVworld) –  ภายหลัง๒๐ปีการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ ทั้งเวียดนามและสหรัฐต่างประสบความสำเร็จในการปิดฉากอดีต มุ่งสู่อนาคตจนกลายเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านอย่างรวดเร็ว  ระยะเวลา๒๐ปีที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ ระหว่างสองประเทศที่ปรับตัวเข้ากับแนวโน้มความร่วมมือกับนานาประเทศ
(VOVworld) –  ภายหลัง๒๐ปีการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ ทั้งเวียดนามและสหรัฐต่างประสบความสำเร็จในการปิดฉากอดีต มุ่งสู่อนาคตจนกลายเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านอย่างรวดเร็ว  ระยะเวลา๒๐ปีที่ผ่านมาเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่หน้าประวัติศาสตร์ใหม่ระหว่างสองประเทศที่ปรับตัวเข้ากับแนวโน้มความร่วมมือกับนานาประเทศ

ปี๒๐๑๕–จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในอีก๒๐ปีต่อไป - ảnh 1
บรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการสัมนนา

 นับตั้งแต่ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเมื่อวันที่๑๒กรกฎาคมปี๑๙๙๕มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งเวียดนามและสหรัฐต่างมีความพยายามมากมายเพื่อสร้างความไว้วางใจ ขจัดความระแวงสงสัยเพื่อร่วมมือกัน จากอดีตที่เป็นศัตรูกัน ปัจจุบันทั้งสองประเทศได้กลายเป็นหุ้นส่วนซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการขยายทั้งในด้านการเมือง ต่างประเทศ การค้า เศรษฐกิจ กลาโหมและความมั่นคง
ความพยายามในการสร้างความไว้วางใจ
“เพื่อประสบผลสำเร็จดังกล่าว ทั้งสองประเทศต้องผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก” นี่คือคำยืนยันของนายเลวันบ่างเอกอัครราชทูตเวียดนามคนแรกประจำสหรัฐในการสัมนนาในหัวข้อ“ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐจะประสบความสำเร็จมากขึ้นในอีก๒๐ปี” ที่จัดขึ้น ณ กรุงฮานอย เมื่อวันที่๒๖เดือนนี้ ในการนี้ นายปีเตอร์ ปีเตอร์สัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำเวียดนามได้กล่าวถึงความยากลำบากเมื่อรับหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐคนแรกประจำเวียดนามหลังจากที่ทั้งสองประเทศปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติว่า“อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผมในตอนนั้นคือ ต้องทำอย่างไรเพื่อให้ผู้นำเวียดนามเข้าใจและเห็นว่า ผมมีเจตนาดี น่าไว้วางใจ เคารพคนเวียดนามและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นมิตรเพราะในช่วงนั้น ทั้งสองประเทศยังมีทัศนะที่แตกต่างกันในหลายปัญหาจึงยากที่จะสร้างพื้นฐานให้แก่ความร่วมมือ ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมปรับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นในกระบวนการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ”
นายปีเตอร์ ปีเตอร์สันกับนักการทูตหลายรุ่นของทั้งสองประเทศได้มีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างความปรองดองระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ยังมีประชาชนอีกนับล้านคนได้มีความพยายามเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์นี้ในตลอด๒๐ปีที่ผ่านมา
ความร่วมมือที่หลากหลาย
อาจยืนยันได้ว่า ความสัมพันธ์ในปัจจุบันมีความหลากหลายมากกว่าช่วงที่เริ่มปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเมื่อ๒๐ปีก่อน สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าได้เริ่มขึ้นเมื่อทั้งสองประเทศลงนามข้อตกลงการค้าทวิภาคีหรือบีทีเอเมื่อปี๒๐๐๑ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะในอีก๒ปีต่อมา สหรัฐก็ได้กลายเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และหลังจากที่บีทีเอมีผลบังคับใช้มา๑๐ปี  มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจาก๑.๕พันล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๑ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า๒หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๔ ยอดมูลค่าการค้าอยู่ที่๓หมื่น๕พันล้านเหรียญสหรัฐ นายเมอเรย์ ไฮเบิรต์สังกัดศูนย์วิจัยนานาชาติและยุทธศาสตร์หรือซีเอสไอเอส ที่วอชิงตันดีซีให้ข้อสังเกตว่า ความร่วมมือทางศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนจะมีความคืบหน้าที่ดีในเวลาข้างหน้า“ปัจจุบัน เวียดนามเป็นหุ้นส่วนการค้าชั้นนำและผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ผมมีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า  เมื่อข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิปิกหรือทีพีพีซึ่งเวียดนามและสหรัฐเป็นสมาชิกเสร็จสิ้นลงในปีนี้จะเปิดโอกาสให้แก่ทั้งสองประเทศในการขยายการลงทุนและสร้างงาน”
ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศมีวิสัยทัศน์และความพยายามร่วมกันเกี่ยวกับสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาในภูมิภาค จากการพัฒนาที่น่าประทับใจในตลอด๒๐ปีที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองประเทศควรยกระดับความสัมพันธ์ เกี่ยวกับปัญหานี้ นายเท็ด โอซีอูส เอกอัครราชทูตสหรัฐคนใหม่ประจำเวียดนามกล่าวว่า“ผมเห็นว่า สิ่งที่สำคัญคือเนื้อหาของความสัมพันธ์มิใช่ชื่อของความสัมพันธ์ อาจเห็นได้ว่า ผู้นำทั้งสองประเทศต่างตั้งความหวังเกี่ยวกับความสัมพันธ์และอยากย้ำถึงความ สัมพันธ์ที่จริงจังและงานที่ทั้งสองประเทศอาจร่วมมือกันซึ่งสิ่งนี้มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”
แม้จะมีความแตกต่างด้านระบบการเมือง ระดับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ตลอดจนปัญหาที่มาจากประวัติศาสตร์แต่สิ่งนี้ไม่สมารถขัดขวางการเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างสองประเทศได้ ความจริงในตลอด๒๐ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เพียงมีความจริงใจ เจตนาดีและ ยืนหยัดสนทนา ทั้งสองฝ่ายจะสามารถแสวงหาเสียงพูดเดียวกันได้ นายเหงวียนก๊วกเกื่องอดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐกล่าวว่า“ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่งคงไม่มีความสัมพันธ์ใดที่ไม่มีปัญหา เวียดนามและสหรัฐก็เช่นกัน ปัจจุบัน ระหว่างสองประเทศมีความแตกต่างในปัญหาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน แต่มาตรการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการสนทนาเพื่อขยายความเข้าใจและลดความแตกต่าง ทั้งสองประเทศต่างมีความตั้งใจที่จะขยายการสนทนา”
ตลอด๒๐ปีปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายปิดฉากอดีต เพื่อมุ่งสู่อนาคตและส่งเสริมความสัมพันธ์ให้พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผลสำเร็จในตลอด๒๐ปีที่ผ่านมาเป็นการเริ่มต้นให้แก่กระบวนการร่วมมือที่หลากหลายในระยะยาวระหว่างสองประเทศ./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด