ผลักดันการปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศพหุภาคีเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง

(VOVworld) – วันที่ 13 กรกฎาคม คณะผู้แทนเวียดนาม นำโดยท่านเหงียนซวนฟุ๊ก นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยือนสันถวไมตรีประเทศมองโกเลียและเข้าร่วมการ ประชุมสุดยอดเอเชีย – ยุโรปหรืออาเซมครั้งที่ 11 ณ กรุงอูลานบาตอร์ นี่ถือเป็นโอกาสให้เวียดนามและมองโกเลียหารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือ ใหม่ๆเพื่อขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและเสริมสร้างบทบาทของเวียดนาม บนเวทีโลก
(VOVworld) – วันที่ 13 กรกฎาคม คณะผู้แทนเวียดนาม นำโดยท่านเหงียนซวนฟุ๊ก นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยือนสันถวไมตรีประเทศมองโกเลียและเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชีย – ยุโรปหรืออาเซมครั้งที่ 11 ณ กรุงอูลานบาตอร์ นี่ถือเป็นโอกาสให้เวียดนามและมองโกเลียหารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือใหม่ๆเพื่อขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและเสริมสร้างบทบาทของเวียดนามบนเวทีโลก
ผลักดันการปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศพหุภาคีเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง - ảnh 1
การเยือนสันถวไมตรีประเทศมองโกเลียของนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้มีขึ้นตามคำเชิญของประธานาธิบดีมองโกเลีย (Photo VNplus)
การเยือนสันถวไมตรีประเทศมองโกเลียและการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชีย – ยุโรปครั้งที่11ของนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กในระหว่างวันที่ 13-16 กรกฎาคมได้มีขึ้นตามคำเชิญของประธานาธิบดีมองโกเลียซาคีอากีอิน เอลเบกดอร์จและนายกรัฐมนตรี Jargaltulga Erdenebat
ขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีเวียดนาม – มองโกเลีย
นับตั้งแต่ที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนปี 1954 มองโกเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเวียดนามในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราชในอดีตและให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์มิตรภาพที่มีมาช้ากับเวียดนามอยู่เสมอ และถือเวียดนามเป็นหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนเวียดนามก็ให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือกับมองโกเลียเช่นกัน โดยในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับเป็นประจำ โดยที่น่าสนใจคือการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีมองโกเลีย ซาคีอากีอิน เอลเบกดอร์จเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ตั้งแต่ปี 1979 มาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามและมองโกเลียได้จัดการประชุมร่วมรัฐบาลถึง 15 ครั้งเพื่อผลักดันให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาอย่างเข้มแข็งมากขึ้น โดยทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงฉบับต่างๆเกี่ยวกับวัฒนธรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อปี 2009 เวียดนามและมองโกเลียได้ตั้งรูปปั้นประธานโฮจิมินห์และเปิดศูนย์วัฒนธรรมโฮจิมินห์ ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายหมายเลข 14 ที่กรุงอูลานบาตอร์ ส่วนความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมและสังคมในประวัติศาสตร์ยังช่วยให้ประชาชนทั้งสองประเทศมีความเข้าใจ สามัคคีและอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้ายังไม่ทัดเทียมกับศักยภาพที่มีอยู่ โดยจนถึงปี 2015 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้บรรลุเกือบ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น เพราะการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศยังไม่สะดวก มีค่าใช้จ่ายสูงและยังไม่มีเส้นทางบินตรงระหว่างกัน
ทั้งนี้ถือว่า การเยือนประเทศมองโกเลียครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กเป็นโอกาสให้ทั้งสองประเทศหารือเกี่ยวกับแนวทางและมาตรการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ธำรงความสัมพันธ์ทางการเมืองและขยายความร่วมมือในหลายด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การเกษตร วัฒนธรรมและการศึกษา
ยืนยันบทบาทสมาชิกที่เข้มแข็งของอาเซม
หลังการเยือนประเทศมองโกเลียอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กและคณะผู้แทนเวียดนามจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชีย – ยุโรปหรืออาเซมครั้งที่ 11 ภายใต้หัวข้อ “ 20 ปีความสัมพันธ์อาเซม ความสัมพันธ์หุ้นส่วนเพื่ออนาคตผ่านความเชื่อมโยง” ซึ่งจะมีขึ้น ณ กรุงอูลานบาตอร์ในระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม นี่เป็นโอกาสให้เวียดนามปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศพหุภาพคี หลายรูปแบบหลายฝ่ายและผลักดันการปฏิบัติความคิดริเริ่มต่างๆของเวียดนามในอาเซม
สำหรับประเทศเวียดนาม ความร่วมมือในกรอบของอาเซมมีความหมายสำคัญอยู่เสมอโดยในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นสมาชิกที่คล่องตัว มีความรับผิดชอบสูงและได้สร้างนิมิตรหมายต่างๆในกระบวนการพัฒนาของอาเซม โดยเฉพาะการจัดการประชุมสุดยอดอาเซมครั้งที่ 5 เมื่อปี 2004 จนประสบความสำเร็จซึ่งได้ผลักดันการอนุมัติเอกสารและการตัดสินใจที่มีความหมายสำคัญที่เป็นการวางแนวทางให้แก่ความร่วมมือในกลุ่ม เช่น “ปฏิญญาฮานอยเกี่ยวกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซมที่ใกล้ชิดมากขึ้น”และ “แถลงการณ์อาเซมเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างวัฒนธรรม – อารยธรรม”
ผลักดันการปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศพหุภาคีเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง - ảnh 2
(Photo VNplus)
ส่วนความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับสมาชิกอื่นๆและการเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งในอาเซมก็ได้เอื้อประโยชน์ต่อเวียดนาม นางเหงียนถิเหงียดงา อธิบดีกรมความร่วมมือเศรษฐกิจพหุภาคีสังกัดกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า  “ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สมาชิกอาเซมครึ่งหนึ่งเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และหุ้นส่วนในทุกด้านของเวียดนาม ในแง่เศรษฐกิจ มีข้อตกลงการค้าเสรี 14ฉบับจากจำนวน 16 ฉบับที่เวียดนามได้ลงนามหรือกำลังเจรจากับหุ้นส่วนอาเซมรวม 47 ประเทศจากจำนวนทั้งหมด 53 ประเทศสมาชิกอาเซม พร้อมทั้งเป็นการเปิดตลาดที่กว้างใหญ่สำหรับสถานประกอบการและโอกาสการศึกษาให้แก่ประชาชนเวียดนาม”
ในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังย่างเข้าสู่ระยะการพัฒนาใหม่ การมีหุ้นส่วนเอเชีย – ยุโรปและการเข้าร่วมฟอรั่มอาเซมมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ พัฒนาและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกของเวียดนามดังคำยืนยันของนายฝามบิ่งมิงห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามในการประชุม “ขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนเอเชีย – ยุโรปในทุกด้านในศตวรรษที่ 21” ที่มีขึ้น ณ กรุงฮานอยเมื่อเดือนเมษายนปี 2016ว่า  “การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก 2017 การเสร็จสิ้นคำมั่นเกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกในปี 2018 และค่ำมั่นเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรียุคใหม่ การดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปี 2020 และการสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 ได้เป็นการยืนยันถึงความตั้งใจอย่างเข้มแข็งของเวียดนามในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกและการปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศพหุภาคีและรอบด้าน ซึ่งเป็นเสาหลักของการต่างประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ เวียดนามได้ให้คำมั่นว่า จะเดินพร้อมกับสมาชิกอื่นๆเพื่อยกระดับความร่วมมือในอาเซมให้ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่เพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ประชาคมอาเซมที่ถือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มีความคล่องตัว เชื่อโยงกันและพึ่งพาตนเอง”
การเยือนสันถวไมตรีประเทศมองโกเลียและการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซมครั้งที่ 11 ของนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กจะมีส่วนร่วมแปรแนวทางการต่างประเทศที่เปิดกว้างของเวียดนามที่ถูกระบุในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 12 ให้เป็นรูปธรรมธรรมและขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับมองโกเลีย รวมทั้งความเชื่อมโยงระหว่างเอเชียกับยุโรปให้พัฒนายิ่งขึ้น ตลอดจนผลักดันสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด