ผลักดันความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนของอียู

(VOVworld) – หลังจากที่เสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP-21 ที่มีขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้เดินทางไปเยือนประเทศเบลเยี่ยมและสหภาพยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับอียู
(VOVworld) – หลังจากที่เสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP-21 ที่มีขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้เดินทางไปเยือนประเทศเบลเยี่ยมและสหภาพยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือในหลายด้านระหว่างเวียดนามกับอียู
ผลักดันความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนของอียู - ảnh 1
นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงเดินทางไปเยือนประเทศเบลเยี่ยมและสหภาพยุโรป (Photo VNplus)

ต่อจากผลงานที่ดีงามในเวลาที่ผ่านมา กิจกรรมต่างๆและการพบปะทวิภาคีของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงในอียูและเบลเยี่ยมมีบทบาทสำคัญในการรักษาการสนทนาระดับสูง ซึ่งเป็นเงื่อนไขล่วงหน้าเพื่อขยายความร่วมมือในด้านที่ประสบความสำเร็จและเปิดโอกาสร่วมมือในด้านใหม่ๆตามความปรารถนาและความต้องการของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเปิดระยะแห่งความร่วมมือใหม่ระหว่างเวียดนามกับอียูและกับบรรดาประเทศสมาชิกอียูหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นการลงนามกรอบข้อตกลงหุ้นส่วนและร่วมมืออย่างรอบด้านหรือพีซีเอ
รักษาการสนทนาระดับสูง
ในกรอบการเยือนอียูครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้มีการพบปะกับผู้บริหารสำคัญของอียู เช่น นาย ฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมการยุโรป นายโดนัล ทุสค์ ประธานสภายุโรป นายมาร์ติน ชูลซ์ ประธานรัฐสภายุโรป โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับมาตรการขยายความร่วมมือในด้านที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรป เช่น พลังงาน การขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการสอนอาชีพ โอกาสนี้เวียดนามและสหภาพยุโรปได้ประกาศปฏิญญาเกี่ยวกับการเสร็จสิ้นการเจรจาและลงนามข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – อียูหรือEVFTA หลังการเจรจารวม 14 นัดภายในเวลา 5 ปี
ที่กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม ท่านเหงียนเติ๊นหยุงได้มีการพบปะหารือกับ นาย ชาร์ลส์ มิเชล นายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดของเบลเยี่ยม ในการเยือนประเทศเบลเยี่ยมอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้กว่า 1 ปี นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงยังเป็นแขกชาวต่างชาติคนแรกของนาย ชาร์ลส์ มิเชล ในฐานะนายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม ส่วนในการเจรจาครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้หารืออย่างกว้างลึกเกี่ยวกับแนวทางใหญ่ๆและเห็นพ้องกันเกี่ยวกับมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์มิตรภาพที่ดีงามระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในหลายด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ท่าเรือทะเล การให้บริการด้านโลจิสติกส์ คมนาคมขนส่ง เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีชั้นสูงการบินและอาวกาศ การศึกษาและฝึกอบรม ซึ่งเอื้อประโยชน์อย่างจริงจังให้แก่ทั้งเวียดนามและเบลเยี่ยม
ผลักดันความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนของอียู - ảnh 2
นายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงเดินทางถึงกรุงบรัสเซล (Photo VGP)

เตรียมพร้อมให้แก่ระยะใหม่แห่งความร่วมมือในระดับสูงขึ้น
เบลเยี่ยมเป็นประเทศยุโรปตะวันตกที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามมาตั้งแต่ปี 1970 และความสัมพันธ์ที่มีมาช้านานนั้นได้รับการรักษาและพัฒนาจากทั้งสองฝ่ายในหลายปีที่ผ่านมา เบลเยี่ยมเป็นหุ้นส่วนที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพของเวียดนามบนฟอรั่มระดับโลกและภูมิภาค เช่น สหประชาชาติและกรอบความร่วมมือเอเชีย – ยุโรป เบลเยี่ยมยังถือเป็น 1 ในนักลงทุนและตลาดขนาดใหญ่ของเวียดนามในยุโรป นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านวิชาชีพยังมีการพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะความร่วมมือในด้านการศึกษาและฝึกอบรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จในความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับเบลเยี่ยม ต้องชื่นชมความร่วมมือระหว่างท้องถิ่น ซึ่งได้กลายเป็นตัวอย่างแห่งความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากความร่วมมือทวิภาคีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับเบลเยี่ยมยังคงได้รับการผลักดันในกรอบพหุภาคีอีกด้วย เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่ถือเป็นความท้าทายต่อความมั่นคงของภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในขณะเดียวกัน การเยือนอียูของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงได้มีขึ้นประจวบกับโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายฉลองครบรอบ 25ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและเสร็จสิ้นการลงนามอนุมัติกรอบข้อตกลงพีซีเอและลงนามอนุมัติข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ ซึ่งเป็นข้อตกลงสองฉบับที่มีความหมายสำคัญพิเศษต่อทั้งเวียดนามและอียู พีซีเอคือกรอบข้อตกลงที่กำหนดหลักการขั้นพื้นฐาน เนื้อหา ขอบเขตและรูปแบบความร่วมมือ สร้างกรอบความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างเวียดนามกับอียู ส่วนอีวีเอฟทีเอเป็นเอกสารทางนิตินัยที่สำคัญเพื่อรับปรุงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างเวียดนามกับอียู สร้างบรรยากาศที่เสรี เปิดกว้างและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนทั้งจากเวียดนามและอียู อีวีเอฟทีเอมีส่วนร่วมเปิดโอกาสใหม่ในด้านการลงทุน การค้า การปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจและเอื้อประโยชน์มากที่สุดให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการของทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การเยือนครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงจึงถือเป็นนิมิตหมายสำคัญและมีลักษณะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอียู
ปัจจุบันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอียูพร้อมที่จะเข้าสู่ขั้นสูงใหม่ จากพื้นฐานที่ได้รับการสร้างสรรค์ในตลอด 25 ปีที่ผ่านมา การเยือนอียูของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงจะมีส่วนร่วมขยายความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอียูเข้าสู่ส่วนลึก ตามแนวทางที่รอบด้าน มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเอื้อประโยชนมากขึ้นต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในด้านความร่วมมือที่จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด