ผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อินเดีย

(VOVworld) – ตามคำเชิญของท่าน นเรนดรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย วันที่ 27 ตุลาคม ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยาได้เดินทางไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการเพื่อผลัก ดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้นโดยเน้น ถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้งขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในด้านอื่นๆ แลกเปลี่ยนปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ
(VOVworld) – ตามคำเชิญของท่าน นเรนดรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย วันที่ 27 ตุลาคม ท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยาได้เดินทางไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการเพื่อผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้นโดยเน้นถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้งขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในด้านอื่นๆ แลกเปลี่ยนปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ
ผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-อินเดีย - ảnh 1
ท่าน เหงียนเติ๊นหยุงและนาย ปรานาบ มุกเฮอร์จี ประธานาธิบดีอินเดีย

เมื่อปี 2007 ในกรอบการเยือนอินเดียของท่าน เหงียนเติ๊นหยุง นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เวียดนามและอินเดียได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยกำหนด 5 เสาหลักในความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย การเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง การป้องกันประเทศ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการศึกษาและเพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์นี้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งสองฝ่ายได้จัดการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ โดยเฉพาะการเยือนระดับสูง พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างสำนักงานและสถาบันวิจัยต่างๆ เพิ่มความสมบูรณ์ของกรอบทางนิตินัยเพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกด้าน ส่วนการเยือนอินเดียครั้งนี้ของท่าน เหงียนเติ๊นหยุง ก็เพื่อสร้างโอกาสเพื่อผลักดันความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศให้มากขึ้น
เศรษฐกิจและการค้ามีการขยายตัวแต่ยังไม่ทัดเทียมกับศักยภาพ

ตามการประเมินของบรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักการทูต บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทูตที่ดีงาม ความสัมพันธ์ร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างเข้มแข้งมากขึ้น ถึงแม้มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับอินเดียได้ค่อยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปีโดยมีการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 16 ต่อปีในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แต่ศักยภาพเพื่อพัฒนายังคงมีอยู่อีกมากมาย  นาย หวูกวางเหยี่ยม รองนายกสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อินเดียได้แสดงความเห็นว่าความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในหลายปีมานี้ แต่พวกเราเห็นว่า ยังไม่ทัดเทียมกับศักยภาพและความปรารถนาของทั้งสองฝ่ายโดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนยังอยู่ในระดับต่ำโดยอินเดียคิดเป็นร้อยละ 0.33 และร้อยละ 1.25 ของเวียดนามและเวียดนามเสียเปรียบดุลการค้าในระดับสูง  การลงทุนของอินเดียในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ อยู่อันดันที่ 32 ในจำนวนทั้งหมด 88 ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนาม ส่วนการลงทุนของเวียดนามไปยังอินเดียก็มีน้อยมาก การท่องเที่ยวยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่และยังไม่เปิดเที่ยวบินตรง ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความตั้งใจและความพยายามของทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะได้รับการผลักดันพัฒนาให้มากขึ้น”
ส่วนนาย ราชิด ราเอ อดีตเอกอัครราชทูตอินเดียประจำเวียดนามได้ยืนยันว่า ปัจจุบัน เวียดนามและอินเดียกำลังสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ดีงามในด้านการเมือง การป้องกันประเทศและความมั่นคง แต่ทั้งสองฝ่ายยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมายในด้านเศรษฐกิจและการค้าประเด็นที่สถานทูตอินเดียและทูตพาณิชย์อินเดียประจำเวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆคือการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการของทั้งสองประเทศ พวกเรายินดีต้อนรับคณะผู้ประกอบการอินเดียเดินที่ทางมาเยือนเวียดนามอยู่เสมอเพื่อแสวงหาโอกาสร่วมมือลงทุนเพราะการที่ผู้ประกอบการอินเดียเดินทางมาเยือนเวียดนามและมีการแลกเปลี่ยนด้านการค้าจะช่วยให้สถานประกอบการของทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะช่วยผลักดันความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรม ความเข้าใจด้านวัฒนธรรมการประกอบธุรกิจของแต่ละฝ่ายเพื่อแสวงหาเสียงพูดเดียวกันและกำหนดแนวทางให้แก่การพัฒนา”
ทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เวียดนามมีนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือ ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการพัฒนาสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านกับอินเดีย ส่วนรัฐบาลอินเดียก็ถือเวียดนามเป็นเสาหลักในนโยบายมุ่งสู่ตะวันออก การพัฒนาสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานและความร่วมมือในทุกด้านกับเวียดนามคือนโยบายของทุกพรรคการเมืองในอินเดีย ทั้งสองประเทศมีความคล้ายคลึงกันในหลายด้านและร่วมมืออย่างใกล้ชิดทั้งในฟอรั่มภูมิภาคและโลก สำหรับความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดียในปัจจุบัน บรรดาผู้นำทุกระดับ กระทรวง หน่วยงานและประชาชนของทั้งสองประเทศต่างยืนยันว่า นี่คือความสัมพันธ์พิเศษ ไม่เพียงแต่เพื่อผลประโยชน์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจเท่านั้น หากยังเพื่อสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานที่มาแต่ในอดีตอีกด้วย  ศาสตรจารย์ ดั่งดิ่งกวี๊ ผู้อำนวยการสถาบันการต่างประเทศเวียดนามได้แสดงความเห็นว่าเวียดนามและอินเดียเป็นเพื่อนมิตรที่ซื่อสัตย์ เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือ ร่วมกันแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และวิสัยทัศน์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้มีก้าวเดินที่ยาวไกล ความสัมพันธ์ในทุกด้านได้พัฒนามากขึ้นซึ่งนำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศและมีส่วนร่วมมากขึ้นต่อสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค”
ในสภาวการณ์ที่ความท้าทายกำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคและโลก ทั้งสองประเทศต่างตระหนักได้ดีถึงความสำคัญของการธำรงสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านานและดีงามและทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศมีความลึกซึ้งมากขึ้น ควบคู่กับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศก็เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่มีขึ้นเป็นประจำได้มีส่วนร่วมสร้างความผูกพันความสามัคคีและน้ำใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายยังประสานงานอย่างใกล้ชิดและสนับสนุนกันในฟอรั่มทั้งในระดับภูมิภาคและโลก
การเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการครั้งนี้ของท่าน เหงียนเติ๊นหยุงมีขึ้นภายหลังการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีอินเดีย ปรานาบ มุกเฮอร์จีเป็นเวลากว่า 1 เดือนซึ่งได้ยืนยันอีกครั้งถึงความไว้วางใจด้านการเมืองระหว่างเวียดนามกับอินเดีย จากผลงานที่เป็นรูปธรรม การเยือนนี้จะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์เวียดนาม-อินเดียในเวลาที่จะถึงอย่างแน่นอน./.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด