(VOVWORLD) - นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก กำลังอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 29-31 พฤษภาคม นี่คือการเยือนสหรัฐครั้งแรกของท่าน เหงียนซวนฟุก ในฐานะนายกรัฐมนตรีและเป็นการพบปะครั้งแรกระหว่างผู้นำเวียดนามกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือว่ามีความหมายสำคัญเป็นพิเศษต่ออนาคตความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ
นับตั้งแต่ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 1995 ความสัมพันธ์ทางการเมือง การทูตระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้พัฒนาอย่างมั่นคง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2013 ทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน ซึ่งบนพื้นฐานนี้ ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐได้บรรลุก้าวเดินพัฒนาใหม่ในทุกด้านทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เวียดนามและสหรัฐธำรงและผลักดันการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015 เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้สร้างนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ในกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศ เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2016 ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัค โอบาม่า ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ต่อจากนั้น เมื่อเดือนมกราคมปี 2017 อดีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จอห์น แคร์รี ได้เดินทางมาเยือนเวียดนาม หลังจากนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เวียดนามและสหรัฐก็ยังธำรงกิจกรรมพบปะทวิภาคีต่อไป โดยล่าสุดคือเมื่อเดือนเมษายนปี 2017 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม ฝ่ามบิ่งมิงห์ ได้เดินทางไปเยือนสหรัฐและพบปะกับผู้นำหลายคนของสหรัฐ
พร้อมกับความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีงาม กิจกรรมร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศได้บรรลุผลงานที่น่ายินดี สหรัฐกำลังเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนการค้าชั้นนำของเวียดนาม โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 20 ในหลายปีมานี้ และบรรลุ 5 หมื่น 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2016 สำหรับการลงทุน จนถึงปลายปีที่แล้ว สหรัฐอยู่อันดับที่ 8 จากจำนวนทั้งหมด 112 ประเทศและดินแดนที่มีเงินเอฟดีไอลงทุนในเวียดนาม โดยมี 815 โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
การศึกษา การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนก็เป็นด้านที่ทั้งสองฝ่ายร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยจนถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2016 มีนักศึกษาเวียดนามกว่า 3 หมื่น 1 พันคนกำลังศึกษาในสหรัฐ มากเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมากเป็นอันดับที่ 6 ของโลก นอกจากนี้ เวียดนามและสหรัฐก็กำลังปฏิบัติโครงการของมหาวิทยาลัย Fullbright ในเวียดนามอย่างเข้มแข็ง
ในระดับภูมิภาคและพหุภาคี เวียดนามและสหรัฐผลักดันการประสานงานในฟอรั่มภูมิภาคต่างๆ เช่นเอเปก เออาร์เอฟ เอดีเอ็มเอ็มบวก แอลเอ็มไอและอีเอเอส รวมทั้งปัญหาในภูมิภาค เช่นความปลอดภัยในการเดินเรือ ให้ความสำคัญต่อบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ปฏิบัติหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สหรัฐ-อาเซียน ตลอดจนปัญหาโลกต่างๆ เช่นการต่อต้านการก่อการร้ายและอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้ายสูง เป็นต้น ทั้งสองฝ่ายยังสนทนาเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนบนเจตนารมณ์ที่ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์และให้ความเคารพความแตกต่างกัน โดยเวียดนามและสหรัฐได้จัดการสนทนาด้านสิทธิมนุษยชนครั้งที่ 20 ณ กรุงวอชิงตันและการสนทนาครั้งที่ 21 ที่กำลังมีขึ้น ณ กรุงฮานอยอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก |
สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่ความร่วมมือและการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี
การเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก มีความหมายสำคัญอย่างแท้จริง เพราะเป็นโอกาสเพื่อแสดงให้เห็นถึงบทบาทเป็นผู้เดินหน้าของเวียดนามในอาเซียน และสถานะของเวียดนามเฉกเช่นเดียวกับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและความมั่นคงที่สำคัญของสหรัฐ หนังสือพิมพ์และสำนักข่าวระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น Reuters Forbes VOA และManila Bulletin เป็นต้นได้ลงข่าวเกี่ยวกับการเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก โดยสำนักข่าว Reuters ได้อ้างคำประกาศของทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะต้อนรับนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ณ ทำเนียบขาวในวันที่ 31 พฤษภาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือในภูมิภาค ส่วน VOA ได้รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะกลายเป็นผู้นำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่เดินทางไปเยือนทำเนียบขาวนับตั้งแต่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนมกราคมปี 2017 ส่วนหนังสือพิมพ์ Manila Bulletin ได้อ้างคำกล่าวของเลขานุการฝ่ายสารนิเทศของทำเนียบขาว Sean Spicer ว่า “ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รอคอยการหารือเกี่ยวกับมาตรการผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีและทำให้ความร่วมมือระดับภูมิภาคกับหนึ่งในหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความลึกซึ้งมากขึ้น”
ด้วยผลสำเร็จบนพื้นฐานความร่วมมือที่กำลังมีอยู่ ความไว้วางใจ ความเข้าใจและให้ความเคารพกัน การเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก จะผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือหุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐมากขึ้น นำโอกาสใหม่มาให้แก่ทั้งสองประเทศเพื่อผลประโยชน์ ความเจริญรุ่งเรืองการพัฒนาของทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือในภูมิภาค.
เอดีเอ็มเอ็มบวก แอลเอ็มไอและอีเอเอส รวมทั้งปัญหาในภูมิภาค เช่นความปลอดภัยในการเดินเรือ ให้ความสำคัญต่อบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ปฏิบัติหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สหรัฐ-อาเซียน ตลอดจนปัญหาโลกต่างๆ เช่นการต่อต้านการก่อการร้ายและอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้ายสูง เป็นต้น ทั้งสองฝ่ายยังสนทนาเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนบนเจตนารมณ์ที่ตรงไปตรงมา สร้างสรรค์และให้ความเคารพความแตกต่างกัน โดยเวียดนามและสหรัฐได้จัดการสนทนาด้านสิทธิมนุษยชนครั้งที่ 20 ณ กรุงวอชิงตันและการสนทนาครั้งที่ 21 ที่กำลังมีขึ้น ณ กรุงฮานอยอย่างมีประสิทธิภาพ.